หลังจากที่ได้เจ้า Canon EOS M3 และ EF-M 22mm f/2 STM มือสองมาใช้เป็นเวลาเกือบจะเดือนนึงได้แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ผมใช้ Canon EOS 6D อยู่นั่นเอง ก็พอจะได้ข้อสรุปว่า มันแทบจะไม่แตกต่างกันเลย โดยเฉพาะในมุมมองเรื่องการบันทึกและถ่ายทอดศิลปะ
คือเจ้ากล้องนี่จะอยู่ติดตัวผมแทบทุกวันก็ว่าได้ ก็เล็กดี ผมขอใช้คำว่า "คล่องตัว" คงจะเหมาะสม ถึงแม้ว่าผมจะต้องยอมรับในจุดที่ว่าผมก็ต้องปรับการจับและบริหารอยู่เช่นกัน "ทำให้คล่องมือมากขึ้น" การมองก็ถูกเปลี่ยนไปเพราะไม่มีช่องภาพเหมือน DSLR ทั่วไป ก็ตัวผมเองก็ต้องปรับ ก็โอเคอ่ะครับ ไม่มีไรมาก ก็แค่หน้าที่คนใช้กล้อง
เนื่องจากความคล่องตัว ที่มากับขนาดของกล้อง นั่นมากขึ้น เจ้ากล้องนี้เลยได้กลายเป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้
22061 x 6017 : วิวสูง
Panorama ไม่เคยง่ายขนาดนี้มาก่อน คือต้องขอขอบคุณ Adobe ที่ทำให้การรวมภาพนั้นง่ายและไม่แลดูยากเหมือนแต่ก่อน ที่สำคัญก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมว่าให้ถ่ายมาตรงและไม่เอียงเป็นอันพอ ซึ่งตรงจุดนี้ ระบบการแสดงระดับนํ้าบนหน้าจอกล้องก็ช่วยได้ค่อนข้างมาก ถึงขนาดที่ผมสามารถที่จะไม่ใช้ขาตั้งกล้อง [ตั้งค่ากล้องให้เหมาะสมและสัมพันธ์กัน] และ Panning ถ่ายเก็บที่ละส่วนไปเพื่อทำการเอามารวมต่อกันในภายหลัง
15837 x 4944 : ฟ้าหลังฝน
" ความสัมพันธ์ระหว่างอุปกรณ์และผู้ใช้ บวกกับ ประสบการณ์และความรู้ นั่นคือสิ่งสำคัญ [ตามในมุมมองที่ผมเห็นนะ] ส่วนเรื่องของความสุขในการถ่ายภาพนั้น ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของ Emotions ซึ่งก็หลายปัจจัยตามที่เราทราบกันดี... "
(อุปกรณ์ และ ผู้ใช้) + (ประสบการณ์ และ ความรู้) = ภาพถ่ายของคุณ
IKEA - iCream
Street - Food
ขอดีอย่างของตัวจอ ที่สามารถ พับ ดึง เอียง หงาย กด ... อะไรประมาณนั้น ... มันทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น บวกกับการที่ผมสามารถเข้าถึงแบบและสถานการณ์ได้ง่ายและใกล้ชิดขึ้นเพราะขนาดของกล้องแล้ว มันทำให้เราไม่ได้แค่ถ่ายภาพ... แต่ “อยู่ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
Concert เป็นอีกรูปแบบนึงที่ว่าแลดูจะถ่ายยาก ตอนแรกๆ ก็ยังลำบากกับการ focusing อยู่บ้าง แต่ถ้ารู้จังหวะ และจับจังหวะได้ บอกเลยว่า ไม่ยากเกินครับ
เช่นเดียวกันกับลีลา action ของเหล่าผู้คนที่งาน event บวกกับการยิงแฟลชตรง นับได้ว่าเก็บ skin tone ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ซึ่งภาพถ่ายกลางคืนเช่นนี้หลายคนคงคิดว่าด้วยเจ้ากล้อง M3 แล้วคงจะลำบากอยู่บ้าง ซื่งประเด็นนี้ก็พอจริงอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ผมเอามาใช้แก้ปัญหาตรงนี้เป็นเทคนิคมือหมุน [Manual Focus] และจับ Peaking เอา
Selfie ที่กลายเป็นเรื่องง่าย
iPhone --> Wifi --> Camera Connect --> Remote Shooting --> VSCO --> Instagram
ใช่ครับ Selfie ได้กลายเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นสำหรับช่างภาพที่เคยแต่มี DSLR ติดตัวตลอดและไม่ค่อยชอบใช้มือถือถ่ายตัวเองเพราะรูปไม่ค่อยถูกใจ จะตั้งขากับกล้องถ่ายตัวเองในร้านก็เป็นขั้นตอนที่ใหญ่โตและเลยเถิดเกินไป...
ซึ่งตรงนี้สิ่งที่ M3 เข้ามาแก้ปัญหาและพัฒนาให้ดังนี้...
- Process ที่สั้นลง (Wifi และ NFC ในตัว)
- ไปพร้อมขนาดกล้องที่เล็กลง แต่คุณภาพเดียวกับ DSLR
- ซึ่งสามารถพกพาไปกับขาตั้งกล้องขนาดเล็ก ซึ่งพอเอามาประกอบเข้าด้วยกันก็ยังไม่ใหญ่โตจนเกินไปและยังคงรักษาความเป็นมิตรและน่ารักอยู่ด้วย
- ที่สำคัญ... มัน เบา และประหยัดเนื้อที่
HDR : Storm is Coming
ผมคงต้องขอจบบทความนี้ซึ่งตั้งใจเขียนขึ้นในรูปแบบ On-The-Go + Impression + Review ใว้ ณ แค่นี้ละกันนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ให้โอกาศผมได้เล่าสู่กันฟัง
ถ้ามีคำถาม inbox หรือ comment เข้ามาได้เลยนะครับ ผมจะพยายามตอบให้ดีที่สุด
ขอบคุณครับ :D
#ZeraroiD #Lifester
*ภาพทุกภาพในบทความนี้ได้ถูกทำการปรับแต่งเพื่อความเหมาะสมและความพึงพอใจของเจ้าของภาพ ผ่านโปรแกรมแต่งภาพ Adobe Lightroom CC
Copywriter: Aunnop Suthumno
Photographer: Aunnop Suthumno , ZeraroiD
Camera: Canon EOS M3
Lens: Canon EF-M 22mm f/2 STM
Program: Adobe Photoshop Lightroom CC
เจ๋งดีครับ
ขอบคุณครับ