ผม อดิศร จันทร์วิจิตรกุล หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อของ  AdisornPhotography เป็นช่างภาพสาย Wedding และ Commercial ครับ 

 

เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ทาง Canon ประเทศไทย ได้เปิดตัวกล้อง Mirrorless Full Frame ตัวแรกของค่าย นั่นก็คือ EOS R ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดระบบใหม่ของกล้องถ่ายภาพของ Canon กันเลย พร้อมกับเปิดตัวเลนส์และแพลนการวางขายเลนส์ในระบบ RF ออกมาอีกมากมายจนเป็นที่สนใจของช่างภาพหลายๆ คน

 

 
ผมเองได้ลองจับกล้องตัวนี้มา สัมผัสแรกจะเหมือน DSLR ก็ไม่ใช่ จะ Mirrorless Full Frame ก็ไม่เชิง ขนาดของกล้องตัวนี้จะมีขนาดเล็กกว่า DSLR นิดหน่อย แต่สำหรับผมยังสามารถจับได้ถนัดมือดีทีเดียว ตัว Grip มีลักษณะเป็นร่องลึก ทำให้จับได้ถนัดมากขึ้น  แต่ถ้าใครมือใหญ่สามารถใส่ Grip เพิ่มได้ น้ำหนักของตัวกล้องจะเบากว่า DSLR นิดหน่อย สำหรับผมแล้วทำให้การใช้งานของผมคล่องตัวขึ้นมาก 

หลังจากที่ทดลองนำไปใช้ถ่ายภาพในงาน Pre-Wedding และ Wedding Day โดยใช้เลนส์ RF 24-105mm F/4L IS USM ซึ่งสัมผัสแรกที่ใช้ เลนส์ตัวนี้ให้ความเร็วในการโฟกัสที่ดีมาก ภาพที่ได้มีความคมชัด มีความอิ่มตัวของสีสันที่ดี และช่วงเลนส์มีความยืดหยุ่นในการใช้งานตั้งแต่ระยะ 24 ไปจนถึงเทเลต้นๆ สามารถใช้เลนส์ตัวนี้ตัวเดียวทำงานได้อย่างสะดวก 
Canon  EOS R ควรมีเลนส์ตัวนี้ติดกล้องไว้ด้วย 
 

ในส่วนของระบบและฟังก์ชันต่างๆ ผมไม่ค่อยคุ้นกับระบบใหม่ที่ทาง Canon ได้ออกแบบการใช้งานใหม่เกือบทั้งหมด ทำให้ต้องมีการปรับตัวกันนิดหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผมปรับตัวได้ง่ายขึ้น คือ EOS R สามารถ Set custom ปุ่มใช้งานต่างๆ ให้เหมาะกับความถนัดของแต่ละคนได้  ซึ่งทำให้การใช้งานไม่ได้ยากอย่างที่คิด ใช้ไม่นานก็ทำให้เกิดความคุ้นเคย

สำหรับงานที่ผมได้นำไปใช้นั้น  หลักๆ จะเป็นงาน Pre-Wedding outdoor ซึ่งเลนส์ที่ผมเอาไปใช้กับงานนี้จะเป็นเลนส์ RF24-105mm f/4L IS USM กับเลนส์ 200mm f/2 รวมถึงเลนส์ EF อีกหลายๆ ตัว เพราะผมอยากทดลองความเร็วของการใช้งานเลนส์ EF ผ่าน Adapter ด้วย ซึ่งการใช้งานผ่าน Adapter ก็ไม่ได้ทำให้ความไวในการโฟกัส และความแม่นยำลดน้อยลงแต่อย่างใด อีกทั้งยังทำให้เลนส์บางตัวแสดงประสิทธิภาพเพิ่มออกมาได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว
 

 

สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยหลังจากการนำไปใช้งานคือเรื่องของความเร็วในการโฟกัส EOS R สามารถโฟกัสได้เร็ว แม่นยำมาก และยังมีระบบ Eye Detection ที่ช่วยโฟกัสที่ใบหน้าและดวงตาของแบบ ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกันกับ EOS R ที่มีพื้นที่โฟกัสครอบคลุมเกือบทั้งเซนเซอร์ ยิ่งเพิ่มความแม่นยำในการโฟกัสเข้าที่ดวงตาของบ่าวสาวได้ง่ายมากขึ้น จึงทำให้การทำงานของผมง่ายขึ้นมาก รวมถึงระบบ AI Servo ของ EOS R ที่ทำออกมาได้ดี สามารถจับหน้าและดวงตาของแบบที่เคลื่อนที่เข้าหากล้องได้อย่างแม่นยำ แม้จะใช้กับเลนส์ EF ที่ใช้กับ Adapter อย่าง 200mm f/2 ก็ตาม  ยังคงรักษาความเร็วและความแม่นยำในการโฟกัสได้ดีเลยทีเดียว และด้วยความที่เป็นกล้อง Mirrorless ทำให้เลนส์ EF หลายๆ ตัวแทบจะกลายเป็นเลนส์ใหม่ในระบบ RF กันเลยทีเดียว ทั้งความแม่นยำ ความคมชัด เท่าที่ผมได้ลองกับเลนส์ EF หลายๆ ตัว ผ่าน Adapter ของ EOS R เองนั้น แทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในด้านความเร็วในการโฟกัส และความแม่นยำ  สามารถทำให้เราใช้เลนส์ EF ที่มีอยู่แล้วอย่างต่อเนื่องได้เลย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเร็วและความแม่นยำในการโฟกัส ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นอีกเยอะ

 

 
ในส่วนของสิ่งที่ช่างภาพที่มาจาก DSLR หลายคนอาจกังวล หรือไม่มั่นใจ อย่างเช่นจอ EVF สำหรับ EOS R ทำมาให้แบบไม่รู้สึกว่าเป็น EVF ความรู้สึกแทบจะคล้ายกับกล้องกระจกกันเลยทีเดียว ทำให้เราเห็นภาพที่ต้องการถ่ายอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของสีสัน และความคมชัดของจอ EVF เอง ความละเอียดของจอ EVF ที่ทำออกมาได้ดีมาก รวมถึงการที่กล้องไม่มีเรื่องของ Blackout มากวนใจ ทำให้สามารถเห็นภาพที่จะถ่ายได้ตลอดเวลา ทำให้เราตัดสินใจเลือก Shot ถ่ายได้อย่างสนุกมากขึ้น 

จุดเด่นอีกอย่างของ EOS R คือจอแสดงภาพที่สามารถหมุนได้ในหลากหลายองศา ทำให้เราสามารถหามุม และสร้างสรรค์มุมใหม่ๆ ที่เราอาจจะไม่สะดวกในการทำงานเหมือนก่อนหน้านี้  ยิ่งเมื่อใช้งานร่วมกับระบบ Touch shutter ของ Canon ที่แม่นยำอยู่แล้ว ยิ่งทำงานได้สะดวก สามารถวางกล้องที่พื้น เปิดจอขึ้นมา แล้วจิ้มเลือกโฟกัสได้เลย อีกทั้งยังสามารถลากเลื่อนจุดโฟกัสไปจุดที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย เพราะพื้นที่โฟกัสครอบคลุมเกือบทั้งหน้าจอ

 

 
และสิ่งที่ EOS R ยังคงรักษาความเป็น Canon ได้ดี คือเรื่องของ Skin Tone ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Canon มาโดยตลอด ตัว EOS R ก็ยังคงรักษาจุดเด่นตรงนี้ไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ช่างภาพสายเวดดิ้งอย่างผมสามารถใช้งานได้อย่างสนุกและมั่นใจ

สรุปแล้วกล้อง EOS R รวมถึงเลนส์ซีรีส์ RF ที่กำลังทยอยออกมาให้เลือกใช้งานอีกเพียบ เป็นกล้องอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะสำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหากล้องใหม่ซักตัวมาใช้งาน หรือมืออาชีพที่ถึงเวลาต้องอัพเกรดอุปกรณ์การทำงานของตัวเอง แล้วคุณจะสนุกกับการถ่ายภาพได้มากขึ้นอีกครับ