ใบหน้ากระจ่างใสบนป้ายบิลบอร์ดหรือผิวขาวออร่าบนหน้าปกแมกกาซีนอาจทำให้สาวๆ หลายคนอยากซื้อสินค้ามาลองใช้บ้าง แต่ Canon กลับเห็นความท้าทายในการพิสูจน์ประสิทธิภาพของกล้อง Canon EOS R ว่าจะสามารถเอาไฟล์ภาพที่จบหลังกล้องไปใช้จริงในงานโฆษณาได้รึเปล่า? เราเลยส่ง Challenge นี้ไปยังคุณแจ้ ณัฐพงศ์ ช่างภาพโฆษณามากฝีมือที่ผ่านการทำงานในวงการบิวตี้มาอย่างโชกโชน และสิ่งที่คุณกำลังจะได้รับชมต่อไปนี้เราขอเตือนไว้ก่อนว่า… “อย่าเพิ่งเชื่อโฆษณา ถ้ายังไม่เห็นด้วยตาคุณเอง”

BRIEF

Challenge : บนเส้นทางการทำงานช่างภาพอาชีพ แน่นอนว่าต้องผ่านบททดสอบมากมาย แต่สำหรับผมสิ่งที่ท้าทายที่สุดในการถ่ายงานโฆษณาคือการทำงานแข่งกับเวลาที่จำกัด ทุกงานที่ถ่ายจะต้องมีการเตรียมตัว ทุกหน้าที่สำคัญหมด รวมไปถึงกล้องที่ใช้ก็ต้อง Support ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

First Impression : ครั้งแรกที่ได้ยินโจทย์ให้จบหลังกล้องแอบไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นไปได้ การเปลี่ยนกล้องที่ใช้ทำงานจาก DSLR มาเป็น Mirrorless มันเหมือนการเปลี่ยนระบบใหม่ แต่ด้วยความที่อยากพิสูจน์ Quality ของ EOS R อยู่แล้วเลยตัดสินใจลองดูครับ

BRAINSTORM

Expectation : ส่วนตัวผมมองว่า Advertising มันเป็นงานที่ค่อนข้างดีเทล โดยเฉพาะงานบิวตี้ ต้องใช้ความพิถีพิถันสูง เพราะฉะนั้นสิ่งที่คาดหวังอันดับแรกเลยคือ Quality ต้องได้ ทั้งในแง่ของคุณภาพไฟล์เพราะได้รับโจทย์มาให้จบหลังกล้อง และคุณภาพของการถ่าย Skin ที่ Canon ขึ้นชื่อว่าทำได้ดีอยู่แล้ว

Idea : ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าเราไม่ได้กำลังพยายามเปรียบเทียบภาพที่จบหลังกล้องกับภาพที่เอาไปผ่าน Process แต่สิ่งที่อยากพิสูจน์จริงๆ คือศักยภาพของกล้องมากกว่า เราอยากโชว์ไฟล์เรียลๆ ที่จบหลังกล้อง เพราะฉะนั้นเลยต้องพยายามเซตทุกอย่างให้เอื้อต่อการทำงานมากที่สุด อย่างตัวนางแบบเองที่เลือกคนนี้มาก็เพราะน้องเค้าผิวดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่อง Lighting ก็พยายามออกแบบให้ครอบคลุมทั้งแบบคลีนๆ แล้วค่อยๆ ไล่ให้ดูแฟชั่นมากขึ้น หน้าผมหรือแม้แต่คอสตูมก็เช่นกัน

PRODUCTION

Prove : พอได้ลองทำงานจริงกับกล้อง ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น เพราะนอกจาก Quality ไฟล์แล้ว ในส่วนของ Dynamic Range ก็ยังเก็บเนื้อผิวได้ดี เก็บไฮไลท์ครบ สีดูอิ่มสมจริงและเป็นธรรมชาติ อย่างรูปนางแบบในลุคแรกที่พยายามใช้เมคอัพน้อยๆ เพื่อโชว์ผิว ถ้าลองซูมดูก็จะเห็นว่า Skin ขึ้นแบบคมมาก

              โดยเฉพาะภาพที่เป็นขาวดำจะเห็นได้ชัดว่าเก็บโทนของผิวได้ครบทั้งหมด บริเวณที่เป็นเส้นผมก็ยังเห็น Volume ได้ชัดเจน ในเซตหลังที่หน้าผมจัดเต็มก็จะเน้นเรื่อง Mood & Tone ของภาพผ่านการดึงอารมณ์ของแบบออกมาทางสายตาที่มีความเซ็กซี่เบาๆ โดยใช้ฟังก์ชัน Eye-Detection ที่แม่นยำช่วยให้แคปเจอร์โมเมนต์นี้ไว้ได้ทันครับ

              ส่วน Part ที่เป็นแพ็คช็อต Dynamic ของไฟล์ก็ยังเก็บได้ครบมากๆ อย่างภาพแรกที่นอกจากจะเห็นหยดน้ำเกาะบนแป้งแล้วยังเห็นฝุ่นแป้งที่เกาะบนหยดน้ำอีก ส่วนอีกภาพอยากให้สังเกตไฮไลท์บนหยดน้ำ ไฮไลท์ของเงาบนลิปสติกเรียกว่าเก็บโทนได้ครบจริงๆ

Result / Reason : หลังจากได้ใช้งานจริงจังในโปรเจกนี้ มีอีกหลายอย่างทื่ลองใช้แล้วรู้สึกว้าวมาก อย่างเลนส์ RF ที่เป็น System ใหม่ ขนาดเลนส์คิทยังคมมาก ยิงไปรูปแรกรู้สึกเลยว่าเก็บดีเทลผิวได้น่าประทับใจ ตัว Control Ring ก็สะดวก ของผมเซตเป็น ISO เวลาถ่าย Outdoor นี่ใช้งานง่ายขึ้นเยอะเลยครับ ที่สำคัญคือใช้กับเลนส์ EF ที่ผมมีอยู่แล้วได้ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้การทำงานมากขึ้น อีกความดีงามของ Eye-Detection คือผมสามารถวาง Compose ในเฟรมได้เลยโดยที่กล้องโฟกัสตาให้ทันที ลดขั้นตอนสั้นๆ ไปเลย 1 ขั้นตอน โดยรวมแล้วถ้าพูดถึง Quality ของกล้องในการ Delivery ไฟล์ภาพที่จบหลังกล้อง รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่เข้ามาช่วยในการถ่ายงานบิวตี้ ถือว่าผมพอใจมาก พูดตรงๆ ถ้าเป็นงานทั่วไปจะต้องไป Retouch เก็บความเรียบร้อย อย่างบางภาพซูม 100% เราอาจจะเห็นฝุ่นเล็กๆ บ้าง แต่หลายภาพที่ถ่ายมาผมเก็บ Lighting ไว้เนี๊ยบอยู่แล้ว เอาไปใช้เลยก็ยังได้ครับ และถ้าจะให้บอกเหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือก EOS R ? ผมว่ามันเป็นเหมือนมิติใหม่ของกล้อง Mirrorless ที่มีความครบเครื่องและลงตัวครับ