แสงสุดท้าย...สว่างกระจ่างตา
ด้วยภาพทรงคุณค่าของตากล้องคุณภาพและเครื่องพรินต์ที่ยอดเยี่ยม


กากบาทปฏิทินไว้ว่าหกโมงเย็นของวันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2559 เรามีนัดที่ Hop Art : W District ต้องพาตัวเองไปหาแรงบันดาลใจด้วยการเสพงานศิลป์ แล้วยิ่งเห็นชื่องานนิทรรศการ “The Last Light (แสงสุดท้าย)” ต้องบอกว่าห้ามลืมห้ามเลตเด็ดขาด เพราะเรื่องราวของพ่อหลวงที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้น ชื่อศิลปิน “วิรุนันท์ ชิตเดชะ” การันตีได้เลยว่าเราจะได้เห็นภาพถ่ายที่สวยงามที่สุด และควรค่าแก่การเทิดพระเกียรติ เพราะพระองค์ทรงอุทิศพระวรกายตรากตรำเพื่อให้เราชาวไทยได้สุขสบายมากว่า 7 ทศวรรษ ไม่มีวันไหนเลยที่พระองค์จะไม่ทรงงาน 

(วิรุนันท์ ชิตเดชะ)

ภาพที่จัดแสดงในงานคือภาพถ่ายของสถานที่ที่ครั้งหนึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเพื่อพัฒนาพื้นที่เหล่านั้นให้ปราศจากความยากจนขาดแคลน นับเป็นบุญของคนไทยเหลือล้นที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ซึ่งภาพถ่ายที่จัดแสดงนั้นเป็นสถานที่ที่บางคนคุ้นหู บางคนคุ้นตา และอีกหลายคนเคยได้ไป อาทิ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เขื่อนป่าศักดิ์ชลสิทธิ์ จ. ลพบุรี และสะพานภูมิพล กรุงเทพมหานคร เป็นต้น แม้ว่าวันนี้พระองค์จะไม่อยู่กับเราแล้ว แต่ภาพถ่ายที่ศิลปินได้ถ่ายทอดออกมาด้วยใจ ส่งผ่านภาพเหล่านั้นออกมาด้วยเครื่องพรินต์ที่มีคุณภาพ ก็ทำให้ภาพแสงสุดท้ายของภูมิทัศน์ในช่วงก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินงดงามและเป็นเสี้ยวสว่างที่อบอุ่นในใจชนชาวไทยนิรันดร์ไม่รู้ลืม

บอกไม่ถูกเลยว่าชอบภาพไหนเป็นพิเศษ เพราะทุกภาพมีล้วนความหมาย เดินดูภาพทั้ง 9 โครงการพระราชดำริไปพร้อมกับการบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ประกอบแต่ละภาพก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกันออกไป บวกกับความคมชัด มองเห็นทุกรายละเอียดของภาพถ่ายที่ศิลปินบรรจงเก็บไว้ในกล้องที่ว่างดงามแล้ว ยิ่งได้ถ่ายทอดออกมาด้วยเครื่องพรินต์ที่ทรงพลัง ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันมีอำนาจดึงดูดให้ทุกคนได้ชื่นชมไม่รู้เบื่อ และอยากซึมซับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะเก็บกักความประทับใจให้อยู่ในความทรงจำที่เรียกหาขึ้นมาให้คิดถึงเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะภาพภูมิทัศน์ในโครงการพระราชดำริทั้ง 9 แห่งนั้นมันตรึงที่ตาและติดอยู่ที่ใจ

บอกตัวเองว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้มางานนี้ นอกจากจะได้ดูภาพถ่ายแล้วยังได้พูดคุยกับผู้คนหลากหลายที่มีรสนิยมเดียวกัน มีคนเอ่ยขึ้นมาว่าแคนนอนคือมือวางอันดับหนึ่งของงานพิมพ์คุณภาพ ได้ยินแล้วก็เห็นด้วยเพราะภาพที่จัดแสดงเป็นหลักฐานมัดคำกล่าวของใครคนนั้นที่ว่าไว้อย่างแน่นหนา และไหนๆ ก็มาถึงงานแล้วต้องขอแวะไปชมเครื่องพรินต์ด้วย เพราะยังค้างคาใจอยู่หน่อยๆ ว่าภาพที่จัดแสดงขนาดใหญ่เหล่านี้น่ะหรือ ถูกถ่ายทอดออกมาจากเครื่องพรินต์ของแคนนอน ซึ่งในขณะนั้นเครื่องพรินต์กำลังแสดงประสิทธิภาพ และความคาใจที่มีก็พลันหาย

เพียง 6 นาทีภาพขนาด A2 ก็ออกมาจากเครื่องพรินต์ให้ได้ชื่นชม ไม่มีความบวมช้ำของหมึกใดๆ ให้เห็น แต่เห็นรายละเอียดของภาพชัดเจนแจ่มแจ๋ว ว่าภาพสีสวยงามแล้ว พี่ๆ แคนนอนยังจัดการพรินต์ภาพขาวดำให้ดูอีกด้วย บอกเลยว่าหายห่วงเรื่องคุณภาพ และไม่ผิดหวังหากช่างภาพจะมีเครื่องพรินต์ที่ตอบรับกระดาษหลากหลายรูปแบบไว้ครอบครอง


อิ่มเอมที่ได้มางานนี้ เลยเชิญชวนให้ทุกคนได้มากัน นิทรรศการ ““The Last Light (แสงสุดท้าย)” จัดถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2559  เพราะนอกจากจะเป็นการเติมพลังใจให้หายคิดถึงพระองค์แล้ว สิ่งดีๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้มอบให้ชนชาวไทยก็เป็นเสมือนแรงผลักดันให้ทุกคนได้สานต่อความดีต่อไปเรื่อยๆ แม้แสงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ความสุขและความสวยงามในช่วงเวลานั้นจะคงอยู่ในภาพถ่ายจากศิลปินฝีมือดีและเครื่องพรินต์คุณภาพเยี่ยมที่ได้มาชื่นชมในวันนี้