ความรักของแต่ละคู่นั้นต่างก็มีเรื่องราวที่เป็นของตัวเอง การเข้าใจถึงความรักของแต่ละคู่นั้นเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ คุณสงกรานต์ วีระพงษ์ หรือช่างภาพในนาม 13maysa ที่โด่งดังนั้นสามารถที่จะถ่ายทอดรายละเอียดความประทับใจของแต่ละคู่ออกมาได้เป็นอย่างดี และนั่นก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ภาพงานแต่งงานโดยฝีมือ 13maysa มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแตกต่างจากภาพงานแต่งงานแบบมาตรฐานปกติทั่วไป ซึ่งเขามองว่าภาพคู่รักที่ดีนั้นควรเล่าเรื่องราวความรักเฉพาะตัวของทั้งสองคนให้ได้ มิเช่นนั้นภาพงานแต่งงานของคุณจะเป็นเพียงภาพคู่ธรรมดาๆ ที่ใครก็ถ่ายได

 

 

มันเริ่มมาจากรักการถ่ายภาพ

ตอนเด็กๆ ผมเป็นคนที่ชอบศิลปะ หลงใหลเรื่องแสงเงา ก็เลยมาเรียนออกแบบนิเทศศิลป์ ตอนเด็กๆ นี่จำได้เลยว่าพี่ชายซื้อกล้องมาแต่ไม่ชอบถ่ายรูป ชอบเป็นแบบมากกว่า ก็เลยให้ผมเป็นคนกดชัตเตอร์ให้ ตอนนั้นเรารู้สึกว่ากล้องมันมหัศจรรย์มาก นับแต่นั้นมาผมก็เริ่มหลงใหลการถ่ายภาพครับ แต่หลังๆ นี่สนใจอยากทำงานโฆษณามาก แต่ก่อนมาทำงานโฆษณานี่ผมเป็นบรรณาธิการหนังสือการ์ตูนมาก่อนนะ (หัวเราะ) พอเราอยากเป็นครีเอทีฟก็เลยส่งงานประกวด #A0;B.A.D. Award ซึ่งเป็นงานระดับนักศึกษาของวงการโฆษณาเพื่อคัดเลือกเด็กไปเวิร์กช็อป ผมก็ได้สองปีซ้อนเลย ยังเรียนไม่จบทาง Leo Burnett ก็มาจีบแล้ว เวลาที่เอเยนซี่จะทำ Storyboard โฆษณา คนอื่นๆ เขาวาดกันแต่ผมนี่จะพรีเซนต์ด้วยรูปถ่ายตลอดเลย พยายามถ่ายไอเดียเราออกมาให้ได้ แต่ทำไปสักพักก็เริ่มเบื่อ เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ งานโฆษณานี่มันดึงชีวิตเราไปหมดเลย อยู่กับมันตลอดเวลาจนหยุดคิดไม่ได้ มันเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งที่มอบให้กับเรา แต่ผมก็รู้สึกว่าชีวิตเราก็สำคัญ ผมชอบออกไปเผชิญโลกกว้างมากกว่า ก็เลยตัดสินใจออก
 

ออกมาแล้วก็ไปขอเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตคือตอนนั้นเราอยากฝึกทักษะอื่นๆ ด้วย ตอนเป็นอาจารย์ก็ได้มีโอกาสถ่ายรูปเยอะ ผมจะใช้ชื่อ 13maysa ถ่ายลงเว็บไซต์ต่างๆ อย่างเช่น pantip เป็นต้น นอกจากเราจะได้ฝึกปรือฝีมือแล้วเราก็ยังจะแชร์ความรู้ด้วย ช่วงนั้นก็เริ่มมีคนรู้จักเราเยอะขึ้น เป็นอาจารย์อยู่ได้สองปี งานถ่ายภาพก็เริ่มเข้ามาเยอะแล้ว ตอนนั้นงานถ่ายภาพก็เริ่มโอเคแล้ว ก็เลยออกมาทำงานถ่ายภาพจริงจังขึ้น ก็เริ่มจากถ่ายงานรับปริญญานี่แหละครับ แล้วก็เริ่มได้โปรเจ็กต์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถ่ายภาพเมืองไทยให้ ททท. เอาไป road show ที่ยุโรป ทาง EU (สหภาพยุโรป) ก็จ้างถ่ายด้วย ทาง AOT (บ.ท่าอากาศยานไทย จก. (มหาชน)) ก็ให้ถ่ายสนามบินทั่วประเทศ เป็นต้น
 

 

จุดเริ่มต้นของภาพแห่งความรัก

ตอนนั้นผมไปเที่ยวสังขละบุรีครับ พอดีไปเจอชายหญิงคู่หนึ่งเขาเดินจูงมือกันมาบนสะพานไม้ตอนพระอาทิตย์ขึ้น เขายืนดูพระอาทิตย์กัน มันเป็นภาพ silhouette ที่สวยมาก ผมก็เลยถ่ายเก็บไว้ แล้วพอสายหน่อยผมเดินไปกินก๋วยเตี๋ยวแล้วก็เจอคู่นี่อีก ผมก็เลยบอกว่าผมถ่ายรูปพวกคุณไว้นะ มันสวยมาก ถ้าอยากได้เดี๋ยวผมส่งให้ เขาก็เลยเล่าว่าเขาพบรักกันที่นี่ แล้วอาทิตย์หน้าเขาจะแต่งงานกัน ก็เลยมาเที่ยวที่นี่เพื่อรำลึกถึงความทรงจำดีๆ ปรากฏว่าเขาเอารูปนี้ไปติดหน้างานเลย ผมดีใจมาก มันเป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีกับความรักมากๆ ผมประทับใจภาพนั้นมาก ไปบรรยายหรือสัมภาษณ์ที่ไหนก็จะพูดถึงภาพนี้ตลอด ทุกวันนี้ยังเจอกันเขาก็ขอบคุณตลอด จุดนี้แหละครับที่มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมอยากถ่ายภาพสื่อสารอารมณ์ อยากถ่ายภาพความรักที่มันมีความรู้สึกอยู่ในนั้น เห็นแล้วสัมผัสได้ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นหันมาถ่ายภาพ Wedding#A0;

 

เอกลักษณ์ภาพ  Wedding ของ 13maysa

ภาพถ่าย Wedding นี่ต้องเป็นภาพของเขาทั้งคู่ไม่ใช่ภาพของช่างภาพ ดังนั้นผมจะทำยังไงก็ได้ให้ถ่ายทอดเรื่องราวและความเป็นตัวตนของเขาออกมาให้ได้ ผมเลือกที่จะทำงานน้อยคู่แต่ว่าจะคุยกับเขาเยอะๆ ความรักเขาเป็นยังไง มาเจอมารักกันได้ยังไง เราจะคุยกันจนทะลุปรุโปร่ง แล้วผมก็จะลองแนะนำให้เขาถ่ายในภาพที่สื่อความรักของเขา ด้วยความที่เราผ่านงานครีเอทีฟมาแล้ว เราก็จะสนุกกับการคิดสร้างสรรค์งานมาก ภาพของผมจะไม่ค่อยเป็นแบบเบสิกทั่วไปนักที่แบบจับเจ้าบ่าวเจ้าสาวมายืนตรงนั้นตรงนี้แล้วถ่าย ผมพยายามที่จะถ่ายภาพสื่อสารและสะท้อนความรักของทั้งคู่ออกมาให้ได้มากที่สุด
 

อย่างมีคู่หนึ่งที่เขาไปเจอกันที่ร้าน Starbucks ที่สิงคโปร์ ผมก็แค่พาเขาไปถ่ายที่ร้านนั้น เป็นภาพง่ายๆ ที่กินกาแฟข้างๆ ร้านเอง แต่มันกลับเป็นภาพความทรงจำที่ดีของทั้งคู่ มันมีเรื่องราวของทั้งคู่อยู่ในภาพ หรืออย่างมีอีกคู่หนึ่งเขาพบรักกันกลางสระ คือเจ้าสาวพายเรือออกไปกลางสระใหญ่ๆ แล้วปรากฏเรือรั่ว ตอนนั้นก็ใกล้ค่ำแล้ว เขาก็กลัวมาก ตะโกนเรียกคนให้ช่วย ตอนนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งว่ายน้ำมาจากไหนไม่รู้มาช่วยไว้ ผู้หญิงเขาก็รู้สึกดีมากที่มีคนมาช่วยชีวิต และนั่นก็คือคู่ชีวิตของเขาในเวลาต่อมา พอเรารู้เราก็เลยถามว่าอยากจะลองไปจมเรือถ่ายกันดูอีกครั้งไหม ภาพที่ออกมามันมีเรื่องราวของตัวมันเอง

 

คุณสมบัติที่ดีของการเป็นช่างภาพงานแต่ง

สิ่งสำคัญมากๆ ที่นอกเหนือจากภาพสวยแล้วเราต้องทำให้ทุกคนประทับใจให้ได้ ช่างภาพหลายคนมักละเลยหรือมองข้ามจุดนี้ ความประทับใจแล้วทำให้คนอื่นบอกต่อนี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าทำได้นี่สบายเลย ผมคิดเสมอว่างานนี้ไม่ใช่สนใจแค่คู่บ่าวสาว อย่าลืมว่าเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว หรือแม้แต่น้องของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอง ก็คือลูกค้าในอนาคต ถ้าเขาประทับใจเขาจะบอกต่อหรือไม่ก็มาเป็นลูกค้าเรา แต่ถ้าทำเรื่องแย่ๆ เสียนิดนึงนี่มันบอกต่อกันเร็วมาก ต้องระวังอย่างมาก แล้วอนาคตของคุณอาจหมดเลย ผมเตือนใจลูกทีมผมทุกคนเสมอว่างานแต่ละครั้งเราต้องทำงานเพื่อทุกคน 

พ่อแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวนี่ก็สำคัญ ถึงแม้เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะแฮปปี้ แต่ถ้าทำให้พ่อแม่รู้สึกแย่นี่ก็กร่อยกันทั้งงานได้ เผลอๆ บางงานพ่อแม่นี่แหละเป็นคนจ่ายตังค์ (หัวเราะ) เราก็ต้องเข้าผู้ใหญ่ให้เป็น อ่อนน้อมถ่อมตน มีมารยาท ทำตัวดีใครๆ ก็รัก ไม่ใช่ทำตัวกร่าง หรือทำตัวราวกับเป็นญาติเขา เราต้องให้ความสำคัญและดูกาลเทศะด้วย

ช่างภาพงานแต่งงานที่ดีไม่ใช่ถ่ายภาพสวยอย่างเดียว แต่ต้องรู้จักทำงานกับคนเป็น เพราะเราต้องทำงานกับทุกคนทั้งทางตรงและทางอ้อม ต้องรู้จักเข้ากับคนให้ได้ตั้งแต่แขกผู้ใหญ่ยันพนักงานโรงแรม
 

 

3 ฉากรักประทับใจ

ภาพนี้เป็นภาพพิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมซึ่งจัดที่วัด Shinmeigu Asagaya ที่โตเกียวครับ เจ้าบ่าวเป็นคนไทย เจ้าสาวเป็นคนญี่ปุ่น เค้าแต่งพิธีไทยที่เมืองไทยแล้วก็ไปจัดพิธีแบบญี่ปุ่นที่โน่น เป็นพิธีที่หาดูได้ยากมากในปัจจุบัน ดูเผินๆ ภาพนี้เหมือนง่ายๆ ไม่มีอะไร แต่ภาพนี้เป็นภาพที่ทั้งคู่นั่งก่อนที่จะมีพิธีสวมแหวน ผู้ที่จะมาทำพิธีก็คือผู้ที่เขาเรียกว่าจักรพรรดิ์ ผมก็ครีเอทเลยว่าผมจะยิงไฟไปที่จักรพรรดิ์ที่เดินมาแล้วให้เงาไปปรากฏบนผนังที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งอยู่ มันทำให้ภาพที่เหมือนจะดูเฉยๆ กลับดูมีเรื่องราวอะไรขึ้นมา ภาพมันเล่าเรื่องได้มากขึ้นจากการใส่ความครีเอทีฟเข้าไป

ภาพนี้เป็นภาพ Pre Wedding ของคุณ บัว-สโรชา วิริยะเมตตากุล (ตันจรารักษ์) ที่ทุกคนรู้จักกันดี เราไปถ่ายกันที่มะละกา เสน่ห์ของการถ่ายภาพงานแต่งงานอย่างหนึ่งก็คือสิ่งที่ไม่คาดคิดที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร เรากำหนดไม่ได้ อย่างตอนไปถ่ายเซ็ตนี้เจ้าบ่าวมาบอกเราว่าจะมีการทำเซอร์ไพรส์นะ เขาเตรียมแหวนมาสวมให้เจ้าสาว พอสวมเสร็จแล้วเจ้าสาวก็น้ำตาไหลเลย คือบางโมเมนต์นี่มันบังคับกันไม่ได้ มันเกิดสดๆ เกิดจากความรู้สึก อย่างอยากให้เจ้าสาวร้องไห้นี่คุณจะไปสั่งเขาได้หรือเปล่าล่ะ มันทำไม่ได้ วันนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเอง ผมก็เก็บภาพนั้นไว้ได้ แล้วการไปถ่ายครั้งนี้ผมถ่ายไปกว่า 500 รูปนะ ภาพสวยๆ ก็เยอะ แต่ปรากฏเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลือกรูปตอนเซอร์ไพรส์แล้วน้องบัวร้องไห้มาขยายเป็นภาพใหญ่ภาพหลักของงาน มันเป็นความพิเศษที่เกิดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วมันก็มีเรื่องราวและมีเสน่ห์มาก

 

ภาพนี้เป็นภาพ Pre Wedding ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่หนึ่งที่เราไปถ่ายกันที่เกาะสีชัง ตรงบริเวณสะพานไม้สีขาวที่ยื่นไปในทะเล ภาพนี้ผมให้ทั้งคู่วิ่งจูงมือกันแล้วก็กระโดดตัวลอย ส่วนผมก็ราบกับพื้นเพื่องัดกล้องขึ้นมาถ่ายในมุมเงย คือผมต้องการสื่อประมาณว่าจากนี้ไปเราจะจูงมือไปข้างหน้าด้วยกันตลอดไป มันเป็นรูปที่ได้แอคชั่นดีมาก สวยมาก ช่วงนั้นภาพถ่าย Pre Wedding ยังเป็นยุคที่ไม่มีอะไรมาก ยื่นถ่ายกันเฉยๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากผมถ่ายแนวนี้ไปแล้วก็มีภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวกระโดดตามมาอีกเยอะเลย บางครั้งภาพแนว Lifestyle นี้อาจกลายเป็นภาพที่ดีมีเสน่ห์ได้เช่นกัน
 

กล้องคู่ใจสำหรับเก็บฉากสำคัญ

เมื่อก่อนผมมีความคิดที่ว่าไม่จำเป็นต้องมีกล้องที่ดีที่สุดหรอก มันขึ้นอยู่กับฝีมือ แต่กลายเป็นว่าสองปีก่อนนี้ผมลองมาใช้ CANON EOS 5D Mark II แล้วก็ CANON EOS 5D Mark III พบว่ามันดีแต่เราก็ใช้งานหนักมากจนมันไม่ไหว สุดท้ายตัดสินใจมาลองใช้ CANON EOS -1D X ต้องยอมรับเลยว่ามันทนจริงๆ รองรับการทำงานของเราได้ดีขึ้น นอกจากเทคโนโลยีและประสิทธิภาพอื่นๆ จะยอดเยี่ยมแล้ว อุปกรณ์ที่ดีมันจะช่วยให้งานของเราออกมาเพอร์เฟ็กต์ได้เหมือนกัน อีกอย่างถ่ายงาน Wedding นี่อุปกรณ์คุณต้องพร้อม ถ้าไม่พร้อมนี่ถือว่าไม่เป็นมืออาชีพ หรืออุปกรณ์ไม่รองรับการทำงานก็ทำให้งานเสียได้

เวลาถ่าย Pre Wedding นี่ผมจะเลือกใช้กล้องตามภาพที่เราสร้างสรรค์ อย่างภาพแนวกระโดดโลดเต้นหรือเคลื่อนไหวนี่ผมจะใช้ CANON EOS -1D X เพราะโฟกัสมันไม่พลาด จังหวะมันไม่พลาด แม่นยำกว่า แต่ถ้าถ่ายภาพแบบอยู่กับที่นิ่งๆ ผมก็จะใช้ CANON EOS 5D Mark III เพราะผมรู้สึกว่าไฟล์ของรุ่นนี้มันจะ Process ได้ค่อนข้างละเอียดและลึกกว่า รุ่นนี้มันผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับการถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูงโดยตรง ส่วน CANON EOS -1D X มันถูกผลิตมาเพื่อรองรับการถ่ายภาพกีฬาหรือภาพเคลื่อนไหวมากกว่า อีกอย่างหนึ่งผมมักจะใส่เลนส์ไวด์ (Wide-angle Lens) กับ CANON EOS -1D X โดยเฉพาะเวลาถ่ายมุมกว้างย้อนแสง โฟกัสต้องดี ส่วนเลนส์เทเลฯ (Telephoto Lens) ผมจะใส่กับ CANON EOS 5D Mark III เพราะว่าเจาะโคลสอัพมันจะเก็บรายละเอียดได้ดี ใช้กล้องดีมีคุณภาพแล้วก็ต้องรู้จักการใช้อุปกรณ์อื่นๆ ให้เหมาะสมด้วยครับ




สนใจเข้าสู่เส้นทางการถ่ายภาพ Wedding

สิ่งสำคัญอันดับแรกเลยคืออัธยาศัย คนทำงานถ่ายภาพงานแต่งงานนั้นคุณไม่ได้ถ่ายเพื่อสนองความต้องการของคุณเอง เพราะฉะนั้นคุณจะต้องใส่ใจลูกค้าเป็นอันดับแรก ทำงานต้องอัธยาศัยดีกับทุกคนไว้ เพราะทุกคนช่วยเราได้หมด อีกอย่างมันจะช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดี ทำงานราบรื่นตลอดรอดฝั่ง คิดดูว่าถ้ามีใครคนนึงโกรธขึ้นมา ยิ่งเป็นสำคัญด้วย งานกร่อยแน่ๆ แล้วอัธยาศัยที่ดีควรมาพร้อมความนอบน้อม มันจะทำให้เราทำงานสะดวก

อันดับต่อมาคือคุณต้องบริหารงานบริหารคนให้เป็น งานแต่งงานเป็นการทำงานกับคนหมู่มาก หลายฝ่าย อย่างออร์แกไนซ์เซอร์เขาจัดไว้แบบนี้ ไม่ใช่ไม่อยากได้อะไรแล้วจะไปบอกสั่งการให้เอาโน้นเอานี้ออกกับเขาโดยตรง คือเขาก็สรุปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาแล้ว ถ้าเราเห็นว่ามันไม่ดีไม่เหมาะเราก็ต้องแนะนำไปที่เจ้าของงาน ส่วนเขาจะปรับไม่ปรับก็เป็นสิทธิ์ของเขา

อันดับต่อมาต้องรู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้เป็น อย่างมีงานหนึ่งผมไปถ่ายงานแต่งงานริมชายหาด มันเป็นงานช่วงเย็นก็ต้องใช้ไฟ ปรากฏว่าสถานที่จัดงานจริงหาดอยู่ไกลจากตัวโรงแรมมาก น้ำลงอีกต่างหาก เตรียมสายไฟมายาวแล้วก็ลากไปไม่ถึง ทำไง งานก็ต้องใช้ไฟถึงจะถ่ายออกมาสวย เราก็ไปปรึกษากับเจ้าบ่าวเลย สรุปเจ้าบ่าวรีบมาช่วยเราแก้ปัญหาด้วยการเดินไปของเช่าใช้ไฟจากบ้านหลังที่ติดหาดมากที่สุดเพื่อที่จะเดินสายไฟมาให้ถึงงานให้ได้ คืองานลักษณะนี้มีปัญหาเฉพาะหน้าเยอะ เราต้องเตรียมรับมือให้ดี

อันดับสุดท้ายต้องรู้จักวางแผนให้ดี รู้ขั้นตอนของงานให้ดี รู้จักสถานที่ให้ดี รู้ข้อจำกัดต่างๆ รู้ว่าเวลาไหนทำอะไร ทุกงานแต่งมีตารางงานอยู่แล้ว คุยแผนให้เคลียร์ เสร็จแล้วก็มาวางแผนถ่ายของเราเอง แผนนี้รวมถึงการที่ควรจะรู้ว่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์ในงานไหม อันนี้ก็ต้องแอบถามแต่ละฝ่ายให้ได้ เพื่อที่เราจะได้เตรียมตัว ไม่งั้นไม่ทัน





ผมว่าเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาวงการนี้ทุกคนฝึกฝนถ่ายภาพให้สวยอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือทักษะอื่นนอกเหนือการถ่ายภาพนี่แหละ ปัญหาต่างๆ มันมีมาแน่นอน แต่คุณจะต้องรู้จักเผชิญกับมันให้ได้ ถ้าคุณผ่านตรงนี้ไปได้คุณจะเป็นช่างภาพที่ทุกคนรักแน่นอน