ความสนุกสนานบางครั้งก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ดีๆ มากมาย วันนี้เราจะไปพาไปตามติดชีวิตสนุกๆ ของนักเขียนและนักถ่ายภาพ คุณโฟล์ค-ธาดา ราชกิจ ที่คลุกคลีอยู่กับวงการ Food Travel มาพักใหญ่ ตะลุยชิมตลอดจนตะลอนท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เก็บเกี่ยวประสบการณ์เอามาถ่ายทอดเป็นผลงานผ่านตามาแล้วจากสื่อต่างๆ มากมาย ตั้งแต่เว็บไซต์, พ็อกเก็ตบุ๊ค, หนังสือพิมพ์, นิตยสาร โดยงานนี้เราให้คุณโฟล์คเดินทางไปกับกล้องคู่ใจ Canon EOS 700D เก็บความสนุกสนานและความคิดสร้างสรรค์ช็อตดีๆ มาฝากเรา
Photo Review by..Tada
ปกติงานหลักๆ ของผมก็คือการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์และถ่ายภาพอาหารครับ แต่ครั้งนี้ผมขอโฟกัสไปที่การถ่ายภาพอาหารแล้วกัน เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนรีวิวมากนัก ผมเป็นคนถ่ายภาพอาหารแนว Natural Style คือเน้นถ่ายแสงธรรมชาติ ไม่ได้เน้นถ่ายงานในสไตล์ Studio Shot หรือ Product Shot สักเท่าไร และข้อดีของการถ่ายภาพแสงธรรมชาตินี้ก็มีอยู่มาก อาทิ ภาพจะมีเสน่ห์กว่า และทำให้อาหารดูน่ากินกว่าด้วย
Food Tricks for Daylight
1. เรื่องของแสง :
ถ้าต้องถ่ายภาพอาหารในร่มนั้นก็ควรให้ใกล้กับแสงธรรมชาติมากที่สุด (อย่างเช่นเลือกบริเวณใกล้หน้าต่างที่แสงส่องถึง) และการเลือกองศาของแสงที่ส่องมายังอาหารนั้นถ้าแสงส่องมาให้องศาที่เอียงทำให้เกิดเงาเล็กน้อย บางทีก็อาจทำให้ภาพดูมีเสน่ห์ได้เหมือนกัน (อันนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์ที่ชอบ)
2. เรื่องขององค์ประกอบ :
สองสิ่งที่มีส่วนสำคัญนั่นคือProp & Around(อุปกรณ์ประกอบต่างๆ และส่งแวดล้อมรอบวัตถุ) และ Composition (การจัดองค์ประกอบภาพ) ยุคนี้ภาพถ่ายอาหารสไตล์ญี่ปุ่นกำลังเป็นที่นิยม อุปกรณ์ง่ายๆ ที่ทำให้ภาพสวยขึ้นได้ไม่ยากก็เช่น ผ้ารองจาน, ผ้าปูโต๊ะ,ช้อนส้อมไม้, หรือแม้แต่ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งบางครั้งเราอาจพกไปเพื่อเพิ่มเสน่ห์ของภาพได้ แต่บางคราวที่อุปกรณ์ประกอบฉากไม่เอื้ออำนวย (หรือเราไม่ได้พกไป) สิ่งที่แก้ปัญหาได้ดีที่สุดก็คือการจัดองค์ประกอบภาพในกล้องให้เสร็จสิ้นด้วยตัวเอง อย่างกรณีสิ่งแวดล้อมรายรอบไม่ได้สวยนัก หรือว่าอาหารที่เราถ่ายหน้าตาไม่เวิร์ค เราสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการถ่ายครอปไปที่อาหาร หรือไม่ก็ถ่ายอาหารแบบไม่เต็มจานให้องค์ประกอบโดยรวมดูศิลป์ขึ้น เท่านี้ก็จะทำให้ภาพดูเสน่ห์ไปอีกแบบได้ และแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างดีทีเดียว
3. รีเฟล็กต์ยามจำเป็น :
บางครั้งการถ่ายภาพย้อนแสงหรือที่ที่มีแสงน้อยนั้นการใช้อุปกรณ์รีเฟล็กต์ก็ช่วยกำจัดข้อบกพร่องในมุมอับแสงได้ แต่บางครั้งแสงที่แรงเกินไปเมื่อสะท้อนรีเฟล็กต์ก็ทำให้ภาพแข็งไม่สวยงาม (อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับมุมมองอันเป็นศิลปะของแต่ละบุคคลด้วย) หากเราไม่ได้พกรีเฟล็กต์ไปด้วย การแก้ไขแบบปัจจุบันทันด่วนก็คือใช้กระดาษสีขาว หรือฟิวเจอร์บอร์ดสีขาว (ตัดเป็นแผ่นพกติดตัวได้เช่นกัน) ซึ่งจะสะท้อนแสงได้น้อยและนวลกว่า แสงไม่แข็ง บางครั้งก็ทำให้ภาพสวยงามกว่าได้เช่นกัน
Creative Fun
หนึ่งในฟังก์ชั่นที่อยู่ใน Canon EOS 700D ซึ่งเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจนั้นก็คือ Creative Filters ครับ นอกจากจะแต่งภาพได้อย่างสนุกสนานโดนใจแล้ว ยังสามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายในมุมมองใหม่ๆ ได้อีกด้วย ผมว่ามันเป็นของเล่นที่สนุกสำหรับมือใหม่หัดถ่าย หรือมือออนไลน์เลิฟแชร์ แล้วบางโอกาสก็เป็นอุปกรณ์ช่วยเสริมที่ดีให้กับโปรเฟชชั่นนอลได้เช่นกัน
สำหรับ Creative Filters ลูกเล่นต่างๆ ที่บรรจุอยู่ใน Canon EOS 700D นั้นมีให้เลือกสนุกถึง 7 รูปแบบด้วยกัน คือ 1.Grainy B/W 2.Soft focus 2.Fish-eye effect 4.Art bold effect 5.Water painting effect 6.Toy camera effect และ 7.Miniature effect ซึ่งฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์ต่างๆ เหล่านี้สามารถแต่งภาพได้อย่างสะดวกง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เลนส์พิเศษอะไรเพิ่ม หรือไม่ต้องเสียเวลากลับไปแต่งในคอมพิวเตอร์อีกหน
How to Fun
0.ก่อนอื่นต้องรู้หลักการก่อนว่า ฟังก์ชั่นนี้ถ่ายก่อนแต่ง(ถ่ายภาพเสร็จแล้วค่อยมาแต่ง) ไม่ใช่ตั้งโปรแกรมก่อนถ่าย
1.ถ่ายภาพที่ต้องการ แนะนำให้เป็นภาพที่สว่างเล็กน้อย เพราะลูกเล่นต่างๆ มักทำให้สีสดขึ้น ภาพจึงจะออกมาสวยงามพอดี
2.เลือกภาพที่ต้องการ แล้วเข้าไปในเมนู Creative Filters หลังจากนั้นเลือกเทคนิคที่ต้องการ และบางเทคนิคนั้นมีระดับของฟิลเตอร์ให้เลือกอีกด้วย ย้ำ!!! ซึ่งวิธีการจัดการนี้ง่ายแสนง่าย สะดวกแสนสบาย ด้วยการสั่งงานผ่านระบบ Touch Screen ที่จอภาพหลังกล้องได้เลย
3.หลังจากนั้นภาพที่เกิดจากเทคนิคที่เราเลือกจะแสดผลให้เห็น ย้ำ!!! ถ้าต้องการได้ภาพจากเทคนิคนั้นให้กด OK เพื่อ Save ภาพ (ซึ่งจะมีการกดยืนยันต่ออีกประมาณ 2 ขั้นตอน) เพราะไม่เช่นนั้นภาพที่เราต้องการจะไม่บันทึกไว้ (ภาพหายนั่นเอง)
4.ภาพใหม่จะถูกเซฟเป็นอีกไฟล์ ซึ่งเราสามารถเรียกดูเพื่อเปรียบเทียบกับภาพดั้งเดิมได้ ย้ำ!!! ภาพนี้จะถูก Save ลงใน SD card ฉะนั้น ถ้าอย่าถ่ายเพลินจนความจำหมด เหลือเผื่อไว้กรณีอยากตกแต่งภาพถ่ายด้วยฟิลเตอร์นี้ด้วย
My Favorite Mode (Ranking with Fun & Efficiency)
Miniature Effect หรือ ภาพถ่ายเมืองจำลอง นั้นกำลังเป็นเทรนด์สนุกที่นิยมกันทั่วโลก บางครั้งเราเรียกภาพถ่ายประเภทนี้ว่า Miniature Faking ไม่ก็ Diorama Effect หรือไม่ก็ Diorama Illusion ที่ทำให้โลกใบจริงกลายเป็นโลกโมเดลจำลอง โดยปกติแล้วเมื่อก่อนการถ่ายภาพประเภทนี้จะต้องใช้เลนส์พิเศษในกลุ่ม Tilt Shift Lens แต่ปัจจุบันกล้องรุ่นใหม่อย่าง Canon EOS 700D บรรจุโปรแกรมแต่งภาพอัตโนมัติสไตล์นี้ไว้ในเครื่องเลย
การแต่งภาพด้วย Miniature Effect นั้นหลังจากเลือกฟิลเตอร์นี้แล้วเราสามารถที่จะเลื่อนระยะโฟกัสที่จอ Touch Screen ตรงจอแสดงผลด้านหลังได้เลย โดยสามารถเลื่อนขึ้นลงตามระยะใกล้ไกลที่เราต้องการได้อีกด้วย การถ่ายภาพโดยใช้เอฟเฟกต์นี้แนะนำว่าควรถ่ายภาพในมุมสูงแบบ Top View ในระยะไกลและซูมไปที่บริเวณที่ต้องการถ่าย (ให้วัตถุดูมีขนาดเล็กเข้าไว้เป็นดี แต่อย่าเล็กมากเกินไป) และหากมีวัตถุที่แลดูเป็นของเล่นได้ง่ายๆ ก็จะทำให้เทคนิคของภาพนั้นเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น รถยนต์ หรือ ต้นไม้ เป็นต้น เสร็จแล้วควรถ่ายภาพให้สว่างเล็กน้อย เพราะหลังจากใส่ฟิลเตอร์สีจะสดขึ้น สวยกำลังดี
Trick for More
เล่นสนุกมากได้มากขึ้น ด้วยการลองนำฟิลเตอร์นี้มาใช้กับภาพถ่ายอาหาร เราจะได้ภาพที่มีระยะโฟกัสแบบชัดตื้น คือภาพวัตถุระยะใกล้ชัด แต่ภาพระยะไกลหรือฉากด้านหลังเบลอ เมื่อเราลองประยุกต์นำเทคนิคนี้ไปใช้กับการถ่ายภาพอาหารแล้ว ภาพที่ได้นั้นจะสดขึ้น แถมยังออกมาเป็นภาพชัดตื้นฉากละลายที่สวยราวกับใช้เลนส์ 50mm ถ่ายเลยทีเดียว ซึ่งภาพถ่ายอาหารในลักษณะนี้เป็น Japanese Food Style ที่กำลังนิยมนั่นเอง
Art Bold Effect หรือ ภาพสีสดสไตล์ภาพวาดสีน้ำมัน ซึ่งฟิลเตอร์นี้จะขับสีสันในภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ก็จะฉูดฉาดจัดจ้านดูสวยในแบบงานศิลป์มากกว่างานสไตล์ภาพถ่ายปกติ เหมาะสำหรับงานในเชิงศิลปะแบบ Pop Art มากกว่างานภาพถ่ายที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ
การแต่งภาพด้วยฟิลเตอร์ Art Bold Effect ใน Canon EOS 700D นี้มีระดับความเข้มของสีให้เราเลือกถึง 3 ระดับตามชอบอีกด้วย
Trick for More
การใช้ฟิลเตอร์นี้ควรเลือกวัตถุหรือสถานที่ที่มีสีเยอะๆ สีจัดๆ มีความคอนทราสต์ขัดแย้งกันสูงๆ จะทำให้ภาพออกมาดูอาร์ตและสนุกขึ้น สถานที่ที่จะถ่ายภาพแนวนี้ได้สนุกเป็นพิเศษก็คือกราฟฟิตี้ที่ฉีดพ่นบนกำแพงหรือผนังตึกเก่า ฟิลเตอร์จะขับสีของกราฟฟิตี้ได้สดคมชัดและสนุกขึ้น และยิ่งถ้าเป็นสถานที่ที่มีรายละเอียดของอาคารเก่าเยอะ โดยเฉพาะงานเหล็กขึ้นสนิม ฟิลเตอร์นี้จะขับรายละเอียดและสีสันของสนิมได้อย่างสวยโดดเด่นทีเดียว
Grainy B/W หรือ ภาพสีขาวดำที่มีเกรนในภาพ ซึ่งภาพประเภทนี้จะแตกต่างจากภาพขาวดำปกติ มักอยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นศิลปะและความบกพร่องของงาน (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์รับรู้หรือมุมมองศิลป์ของคนดูนั้นๆ) ซึ่งเกรนภาพนั้นเปรียบเสมือนนอยซ์ที่ปรากฎในภาพ ภาพที่ได้ออกมาจะมีลักษณะแบบภาพความละเอียดต่ำ เห็นเป็นเม็ดๆ จุดๆ แต่ในทางตรงกันข้ามความหยาบของภาพลักษณะนี้คือเทคนิคการถ่ายภาพขาวดำ ที่อาจทำให้งานดูคลาสสิกมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น น้ำหนักของแสงที่ประกอบกับเกรนของภาพจะทำให้ภาพดูมีมิติยิ่งกว่า และทำให้ภาพนั้นสัมผัสได้ราวมี texture ทีเดียว
การแต่งภาพให้เป็นสไตล์ภาพขาวดำที่มีเกรนด้วยฟิลเตอร์ Grainy B/W ใน Canon EOS 700D นั้นมีระดับของความเข้มและความหยาบของเกรนภาพให้เราเลือกถึง 3 ระดับตามชอบ
Trick for More
ภาพถ่ายในสไตล์ขาวดำแบบมีเกรนในภาพนั้นเหมาะที่จะถ่ายตึกหรืออาคารเก่าๆ เพราะพื้นผิวของวัตถุที่เก่านั้นจะช่วยขับความคลาสสิกได้มากยิ่งขึ้น แล้วภาพในลักษณะนี้ก็เหมาะสำหรับการถ่ายภาพคนทั้งในแบบ Portrait ซึ่งเกรนนั้นจะทำให้ภาพออกมามีลักษณะเก่าแก่คลาสสิกแบบวันวาน โดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคลสูงอายุที่มีผิวหนังหย่อนคล้อย แต่นั่นก็เป็นรายละเอียดที่เล่าเรื่องราวออกมาจากภาพได้อย่างดีเยี่ยมเชียวล่ะ
ปกติกล้องประจำตัวผมก็คือ Canon EOS 450D ครับ ใช้มานานแล้ว ทั้งถ่ายเล่นๆ แล้วก็ทำงานจริงๆ ด้วย พอได้มาลอง Canon EOS 700D ที่อยู่ในระดับเดียวกันแต่พัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเยอะนี่ก็ชอบเลยครับ สะดวกและสนุกต่อการทำงานของผมมากขึ้นด้วย ส่วนตัวผมชอบใช้กล้องซีรี่นี้ก็เพราะมันอยู่ตรงกลางระหว่างมือสมัครเล่นกับโปรเฟชชั่นนอล ด้วยความที่งานของเราต้องเดินทางไปโน่นมานี่บ่อย บางทีวันหนึ่งหลายๆ ที่ หรือบางทีระหว่างเดินทางก็ต้องถ่ายภาพเก็บบรรยากาศไปด้วย หรือบางทีต้องจับภาพกะทันหันระหว่างทางก็ต้องหยิบกล้องให้ทัน เพราะฉะนั้นปัจจัยสำคัญหนึ่งของผมก็คือความคล่องตัว กล้องรุ่นนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก น้ำหนักเบา ทนทาน เหมาะแก่การพกพามากๆ ครับ สะดวกเวลาทำงานและเดินทางมากๆ ด้วย
ฟังก์ชั่นและโปรแกรมต่างๆ ของ Canon EOS 700D นี้ยอดเยี่ยมทีเดียวครับ ความคมชัดของภาพ ความละเอียดของภาพ ขนาดของงาน นี่ใช้ตีพิมพ์ลงในนิตยสารได้เลยทีเดียว แต่สิ่งที่ผมชอบมากก็คือฟังก์ชั่น Creative Filters ที่เพิ่มขึ้นมาและระบบ Touch Screen หน้าจอที่สามารถสั่งงานต่างๆ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ทำให้เราสามารถสนุกกับการสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้ขึ้นอีกเยอะเลยครับ