งานของผมอยู่กับความเร็วครับ
ก็คงเหมือนกับช่างภาพกีฬาทั่วโลก ที่ทำงานกับแอ็คชั่นกีฬาอยู่ทุกวัน เพราะอย่างนี้กล้องที่ผมเลือกใช้จึงต้องเน้นความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง และความเร็วในการโฟกัสเป็นหลัก ซึ่งบอกตามตรงว่า แคนนอนตอบโจทย์ผมในส่วนนี้ได้มากที่สุด และผมมั่นใจในประสิทธิภาพของกล้องแคนนอนมาโดยตลอด ในยุคก่อนหน้านี้กล้องที่เร็ว แรงและโฟกัสไว จะเป็นกล้องตัวใหญ่และหนัก รหัส1D ซีรี่ย์เท่านั้น แต่การมาของ EOS 7D ตัวแรก ทำให้วงการถ่ายภาพแอ็คชั่นเปลี่ยนไป เพราะเป็นการพลิกโฉมกล้องที่แรงเร็วไว ย่อส่วนจากกล้องบอดี้ใหญ่ๆ มาสู่กล้องที่ขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบาขึ้นมาก ทำให้การทำงานของช่างภาพกีฬาง่ายและสะดวกขึ้นมากๆ ครับ
ยอมรับเลยว่า ตั้งแต่ใช้ EOS 7D ตัวแรกมา ผมก็เฝ้ารอคอยและติดตามข่าวความเคลื่อนไหว EOS 7D Mark II มาโดยตลอด เพราะมั่นใจว่าแคนนอนจะใส่เต็มจัดหนักเทคโนโลยี เพื่อขยับคุณภาพจากตัวเดิมที่ว่าดีแล้ว ไปเป็นดีที่สุด แล้วผมก็ไม่ผิดหวัง เมื่อได้จับกล้อง EOS 7D Mark II เทพตัวคูณตัวใหม่ ที่ช่างภาพกีฬาและแอ็คชั่นทั่วโลกรอคอย รู้เลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ในส่วนของน้ำหนักกล้องยังใกล้เคียงกับตัวเดิมมาก ขนาดก็ไล่เลี่ยกัน ช่วยให้ช่างภาพกีฬายุคใหม่ไม่ต้องแบกกล้องใหญ่และหนักอีกต่อไป เพราะลำพังแค่เลนส์เทเลโฟโต้ตัวใหญ่ ก็ถือว่าเป็นภาระมากพออยู่แล้ว พอได้มาเจอบอดี้กล้องที่เบา แต่เร็วอย่างตัวนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นชุดในอุดมคติเลยครับ
มาดูเรื่องของคุณภาพไฟล์กันบ้าง แคนนอนขยับความละเอียดขึ้นไปเป็น 20 ล้านพิกเซล ต้องบอกว่าคุณภาพเพียงพอที่จะขยายใหญ่ได้แน่นอน ส่วนสิ่งที่ประทับใจมากๆ อีกเรื่อง คือ การใช้การ์ดบันทึกภาพได้สองชนิด คือ CFและ SD แล้วยังสามารถตั้งได้ว่าการ์ดตัวใดจะบันทึกไฟล์แบบไหน และขนาดเท่าไร กล้องตัวนี้จำลองความสามารถของกล้องระดับโปรได้ดีมากๆ ซึ่งตรงนี้เป็นประโยชน์มากครับ เพราะการทำงานของช่างภาพกีฬานั้น “พลาดไม่ได้” การมีสื่อบันทึกภาพ 2 ชนิดเข้ามาช่วยเก็บภาพ ช่วยลดเรื่องผิดพลาดในกรณีการ์ดตัวใดตัวหนึ่งเกิดเสียหายหรือสูญหายได้อย่างมาก อีกทั้งการแสดงข้อมูลในช่องมองภาพยังละเอียดมาก มีการแสดงข้อมูลการถ่ายภาพที่ปรับตั้งไว้แทบทุกอย่าง นับเป็นตัวแรกของกล้องแคนนอนที่ทำได้เยี่ยมจริงๆ ครับ
ส่วนของไฟล์ภาพและการใช้ความไวแสงสูง ตรงนี้เป็นจุดเด่นของ EOS 7D Mark II ครับ เพราะงานกีฬาบางครั้งต้องถ่ายภาพในสภาพแสงไม่เอื้ออำนวย กล้องมีส่วนช่วยเราได้เยอะมาก ในส่วนของ ISO สูงๆ ของ EOS 7D Mark II นั้นถ่ายได้แทบจะทุกชนิดกีฬา ไม่ว่าจะในร่มหรือกลางแจ้งครับ ผมสามารถปรับ ISO ไปใช้งานที่ 8,000 ได้แบบมั่นใจ และดัน ISO ได้สูงกว่า EOS 7D ตัวเดิมถึง 3-4 สต๊อป บวกกับหน่วยประมวลผลภาพ แบบ dualDIGIC6 ตัวใหม่เอี่ยมของแคนนอน ทำให้การทำงานตั้งแต่เปิดกล้อง เริ่มโฟกัส ไปไล่ไปจนกดชัตเตอร์ จนกระทั่งเสร็จสิ้นการบันทึกภาพลงการ์ด ไหลลื่นรวดเร็ว ไม่มีสะดุด บ่งบอกประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลภาพได้ดี เนื้อไฟล์มีการไล่โทนสีได้สมจริง สวยงาม และยังปรับ Picture Style เพิ่มเติมให้หลากหลายขึ้นได้อีกด้วย สรุปโดยรวมแล้วความเร็วในการทำงานของกล้องดีเยี่ยมมากๆ ครับ
แล้วก็มาถึงไฮไลต์ที่ไม่พูดไม่ได้ของกล้องตัวนี้ เพราะเป็นจุดขายสำคัญเลยทีเดียว คือเรื่องความเร็ว ทั้งความเร็วในการโฟกัส และความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง มาคราวนี้แคนนอนจัดเต็มจริงๆ ครับ กับจุดโฟกัสแบบกากบาททุกจุด หรือ ครอสไทป์ ทั้งหมด 65 จุด โดยจุดกลางเป็นแบบดับเบิ้ลครอสไทป์ ทำให้การโฟกัสในที่แสงน้อยๆ ทำได้ดีมากขึ้นจาก EOS 7D (ตัวเดิม ครอสไทป์ 19 จุด) ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่างภาพกีฬาให้ความสนใจเป็นลำดับต้นๆ รวมทั้งระบบโฟกัสยังสามารถปรับตั้งได้หลากหลายรูปแบบเหมือนพี่ใหญ่ประจำค่ายอย่าง EOS-1DX เลยทีเดียว ตรงนี้เราสามารถปรับตั้งให้เข้ากับชนิดกีฬาแต่ละอย่างได้ เป็นประโยชน์มากๆ ครับ ยิ่งถ้าใช้ EOS 7DMark II กับเลนส์ USM ของแคนนอนเอง จะยิ่งทำให้การโฟกัสติดตามวัตถุต่างๆ ไม่ว่ากีฬาหรือภาพแอ็คชั่นเร็วขนาดไหนก็เอาอยู่หมด ส่วนเรื่องการถ่ายภาพต่อเนื่อง แคนนอนขยายขีดจำกัดขึ้นไปอีกขั้น จัดมาเต็มถึง 10เฟรมต่อวินาที เข้าใกล้เคียงพี่ใหญ่ EOS-1DX เข้าไปทุกที จากการลองใช้ถ่ายกีฬาที่มีความเร็วอย่าง เทเบิลเทนนิส ถือว่าความเร็ว 10 เฟรมต่อวินาทีของ EOS 7DMark II เก็บได้หมดทุกแอ็คชั่น ไม่มีพลาดซักช็อต ส่วนโหมดการเลือกจุดโฟกัสก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่แบบเฉพาะจุด ไปจนถึงทุกจุดช่วยกันในการโฟกัส แถมโหมดนี้ ยังมีให้เลือกมากกว่ารุ่นพี่ EOS-1DX เสียอีกครับ จัดเต็มมาแบบนี้ผมบอกได้เลยว่าเรื่องความเร็วและแรง ต้องยกให้ EOS 7D Mark II จริงๆ
จากการได้สัมผัสใช้งานมาระยะหนึ่ง ผมประทับใจ EOS 7D Mark II ตัวนี้มากครับ มีพัฒนาการจากตัวเดิมได้สมกับที่รอคอย ตั้งแต่จุดโฟกัสที่เยอะ ใช้งานได้จริง และความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องที่ 10 fps ทำให้ EOS 7D Mark II ตัวนี้ขยับขึ้นไปใกล้กับพี่ใหญ่เจ้าความเร็วอย่าง EOS-1DX ได้เลยทีเดียว แถมน้ำหนักและขนาดยังเบากว่าเยอะ ส่งผลให้เวลาใช้งานจริงลดภาระในเรื่องการแบกอุปกรณ์ของช่างภาพไปได้มาก สรุปสั้นๆ ว่าเจ้า EOS 7D Mark II เป็นกล้องที่ใช้งานสนุก เร็ว แรง และคุณภาพไฟล์เยี่ยม ผมมั่นใจเลยว่า EOS 7D Mark II จะเข้าไปอยู่ในใจของช่างภาพกีฬาทั่วโลกได้ไม่ยากครับ : )
เรื่องและภาพ : ยศยุต เวียงวิเศษ รองหัวหน้าช่างภาพประจำกองบรรณาธิการ นสพ.สยามกีฬา
ในปี 2551 ยศยุตได้แสดงนิทรรศการภาพถ่ายกีฬาครั้งแรกที่มีชื่อว่า “One World One Dream” ณ หอศิลป์นิทัศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ภาพของเขายังได้รับรางวัลมาแล้วหลายสนาม อาทิ รางวัลขวัญใจมหาชน การประกวดภาของสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ปี 2552 และปีต่อมาเขาก็คว้ารางวัลชนะเลิศและขวัญใจมหาชนมาครอง ได้ไปเก็บช็อตสำคัญของกีฬาโอลิมปิคปี 2008 และ 2012 อีกทั้งฟุตบอลโลกปี 2014 ด้วย สำหรับยศยุตภาพกีฬาเป็นอะไรที่ท้าทาย มีเรื่องราว อีกทั้งมีหลากหลายสิ่งอยู่ในภาพ เขาดีใจทุกครั้งที่ได้บันทึกภาพฮีโร่เหล่านั้นเอาไว้ โดยเฉพาะนักกีฬาของไทย