สวัสดีค่ะเพื่อนๆเหล่านักเดินทาง ปลายกุมภาแล้วจะเข้าหน้าร้อนแล้วดิ่ เหมือนว่าทีมภูเขาจะเดือดร้อนจะไปเขาไหนดี
ร้อนกันมั้ย มาๆๆๆๆเดี๋ยวแจ๊คพาไปเที่ยวทะเลเพชรบุรี เหยยยยย ไม่ใช่ทะเลชะอำ ปึกเตียน หาดเจ้า นะจ๊ะ
แจ๊คจะพาไปเที่ยวทะเลหมอก อะไรนะ ทะเลหมอก เพชรบุรี หน้าร้อน ???????? ใช่ๆๆๆๆ ตกใจอัลไร????
หลังจากเริ่มเข้าหน้าร้อน ภาคเหนือก็ถูกลดทอนความสนใจลงไปเลยสำหรับแจ๊ค คิดว่าคงไม่มีหมอก
แต่อยากเจอหมอกอ่ะ เลยนึกได้ว่าเพชรบุรีบ้านเราไง หน้าร้อนก็มีหมอกให้เห็น
เคยไปมานานมากแล้วตั้งแต่สมัยเรียน555จำได้ว่าสวยมากเลยอยากกลับไปอีก
ข้อมูลเขาพะเนินทุ่งที่ควรรู้
ทางขึ้นเขาพะเนินทุ่งค่อนข้างแคบ รถสวนทางกันลำบาก
เพื่อความปลอดภัย จึงมีการจัดเวลาสำหรับการขึ้นลง จึงไม่มีการสวนกันแน่นอน
เวลาสำหรับการขึ้น-ลงเขาพะเนินทุ่ง
การขึ้นลงเขาพะเนินทุ่งแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
ขาขึ้นจากแคมป์บ้านกร่าง
5.30 - 7.30 น.
13.00 - 15.00 น.
ขาลงจากแคมป์พะเนินทุ่ง
09.00-10.00 น.
16.00-17.00 น.
หากไม่มีรถ 4 WD ไปเอง สามารถเช่ารถขึ้นไปเที่ยวได้ค่ะ ราคาค่าเช่ารถขึ้นเขาพะเนินทุ่ง
ราคา 1600 บาท ต่อการเหมารถ 1 คัน ในกรณีที่ไม่ได้มีการค้างคืน
ราคา 2000 บาท ต่อการเหมารถ 1 คัน ในกรณีที่ผู้เช่ารถต้องการค้างคืน
ติดต่อ สอบถามได้ที่ 032-459-293 ,032-772-311
ถ้าใครไปไม่ทันรอบดังกล่าว ก็สามารถกางเต๊นท์พักแรมที่ข้างล่างก่อน1คืนก็ได้ค่ะ
ได้ทั้งที่เขื่อนแก่งกระจาน หรือที่แค้มป์บ้านกร่างก็ได้ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ร้านอาหารไว้บริการ สะดวกสบายค่ะ
ข้างบนแคมป์พะเนินทุ่ง มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไว้บริการ มีเตาให้ยืม มีถ่านขายค่ะ
ด้านบนมีไฟฟ้าใช้แต่เป็นโซล่าเซลล์ มีการเปิดปิดเป็นเวลา
จุดที่กางเต้นท์รถเข้าถึงได้เลยค่ะ จะใกล้กับจุดชมวิวกม. 30 เดินไปแค่ 200 เมตรก็ถึงแล้วค่ะ
จะมีจุดชมวิวอีก1จุดคือ จุดชมวิวกม. 36 เป็นจุดที่ใกล้ชิดทะเลหมอกมากว่า กม.30
ข้อมูลสำคัญๆที่ควรรู้ ก็ประมาณนี้ค่ะ
ทริปนี้ชวนใคร ใครก็ไม่ว่าง เพราะต้องเหมา 4WDขึ้นไป ค้างคืนก็ 2,000 บาท แอบไปคนเดียวก็ไม่ได้
ต้องหาสมาชิกหารค่ารถละ ต้องเล่าก่อนว่าสมาชิกมาจากไหนกันบ้าง เพราะนี่คือทริปรวมคนไม่รู้จักกัน
ได้พี่โอ๊ตมา 1 คน กับพี่โอ๊ตนี่รู้จักกันอยู่แล้ว จากการไปเก็บขยะ และไปออกทริปด้วยกันทั้งทริปมีพี่โอ๊ตคนเดียวที่รู้จักกันจริงๆ
เลยประกาศหาคนหารค่ารถในเพจ เดินทางจากกรุงเทพไปเอง แล้วไปขึ้นเขาพร้อมกัน
อารมณ์แบบขี้เกียจจัดทริป ถ้ามีจัดทริปจะชวนเพื่อนๆในเพจค่ะ ติดตามได้ นี่ๆๆๆ เพจเรา
ขอขายของแบบเนียนๆ ฝากกดไลค์ด้วยนะคะ
เพจท่องเที่ยว ถ่ายภาพของแจ๊คค่ะ My journey by นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/jackrockerphotographer
วันหนึ่งพี่ธงทักมาในเพจ บอกว่าสนใจจะไปร่วมทริปด้วย
จริงๆแล้วกลุ่มพี่ธงเคยขึ้นไปหลายครั้งแต่ยังไม่เคยเดินน้ำตก รอบนี้อยากไปเดินน้ำตก
สุดท้ายทางพี่ธง มากัน 3 คน มีพี่ธง จารย์ท๊อป พี่โอ๊ค พร้อมกับรถ 4 WD 1คัน
เราเลยไม่ต้องเหมารถ ทางแจ๊คได้บิวมาอีก 1 คน บิวนี่ก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน เคยคุยกันแต่ใน facebook
รวมทริปนี้ 6 ชีวิต รู้ที่มาที่ไปของสมาชิกแล้วก็เดินทางกันเลยค่ะ
DAY-1 เช้าวันเสาร์ที่ 25/02/2560 เราออกเดินทางจาก กทม.กันตั้งแต่เช้า
และไปนัดเจอกลุ่มพี่ธงที่แคมป์บ้านกร่าง เพื่อเราจะขึ้นเขาพะเนินทุ่งรอบ 13.00
นัดเจอกันประมาณเที่ยงกว่าๆแวะซื้อเสบียงที่ตลาดสดท่ายาง
พวกของสดสามารถซื้อที่ตัวอำเภอแก่งกระจานได้ค่ะ มีขายหลายร้าน ใครขาดเหลืออุปกรณ์อะไรก็แวะซื้อได้เลย
การไปแคมป์บ้านกร่างไปได้ 2 เส้นทางเราจะผ่านตัวอำเภอแก่งกระจาน หรือไม่ผ่านก็ได้ อันนี้เปิดกูเกิ้ลแม็พได้เนอะ
ก่อนถึงแค้มป์บ้านกร่างเราจะเจอด่านสามยอดก่อน จ่ายเงิน ลงทะเบียนตรงนี้ได้เลย
จ่ายเงิน 3 คน(100 x 3 ) + รถ 1คัน (30) + พัก 1 คืน(30x3) จ่ายไป 420
ตรงนี้ ประทับตราอุทยานได้นะคะ ตรงด่านสามยอดนี้ก็เป็นจุดที่เริ่มเดินทางด้วยเช่นกัน หลายๆกลุ่ม จอดที่นี่แล้วเหมารถจากตรงนี้ขึ้นไป
ส่วนกลุ่มเราจ่ายเงินลงทะเบียนเสร็จก็ขับต่อไปยังแค้มป์บ้านกร่าง
จอดรถที่บ้านกร่างค่ะ รอกลุ่มพี่ธง ซึ่งตามมาช้ามากอ่ะ อิอิ ด้วยเหตุขัดข้องบางประการ เรารอด้วยความลุ้นค่ะ ว่าจะมาทันช่วงเวลารอบขึ้นมั้ย
สรุปว่าเราขึ้นกันกลุ่มท้ายๆเลย ประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง ฝนก็มาพอดีจ้า แต่ตกไม่หนักมาก ขาขึ้นไม่ได้เก็บวิวข้างทางเลยค่ะกลัวกล้องเปียก
ข้างทางก็เป็นเหว ป่าเขียวขจี ล้อมรอบไปด้วยภูเขา ทางค่อยๆไต่ระดับความสูงขึ้นไปตามไหล่เขา อากาศดี
ถนนเป็นทางลูกรังเมื่อสัมผัสกับฝนแรก เราจะได้กลิ่นหอมไอดิน โอ้ยยยย โคตรชอบเลย
อันนี้เป็นภาพที่ถ่ายตอนขากลับค่ะ
ขึ้นไปถึงข้างบนเรารีบหาทำเลกางเต๊นท์
ก่อนอื่นที่สำคัญมากๆ เราต้องถ่ายรูปค่ะ
และทำอาหาร
ทริปนี้แจ๊คเป็นผู้หญิงคนเดียว
ภาระการทำอาหาร งานแม่บ้านแม่เรือนเลยตกเป็นหน้าที่ของ ของใครที่ไม่ใช่แจ๊คแน่ๆ
ก็ต้องเป็นหน้าที่ของหนุ่มๆไง 555555 ดูทุกคนเป็นมืออาชีพมากๆ
แจ๊คคอยนั่งให้กำลังใจ ตามอ่านนะ มื้ออื่นๆแจ๊คก็มีหน้าที่เหมือนกัน อิอิ
เมนูแรกที่ทำพวกเราปะหลาดใจคือซุปผักของจารย์ท๊อป ซุปผักอ่ะไม่แปลก แปลกที่หม้อนี่แหละ
ดูมีความขลัง มีความเป็นมา
ถามว่าพี่เอาหม้อนี้ไปด้วยทุกทริปป่ะเนี่ย ใช่ 5555 แปลกมั้ยล่ะมีใครพกหม้อแบบนี้เข้าป่าบ้าง
หลังจากกางเต๊นท์เสร็จ และเริ่มทำอาหาร ไม่นาน ฝนก็ลงมาอีกรอบ
ในความรวดเร็วภายในไม่กี่นาที ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ของของพวกเราทั้งหมด ถูกขนย้ายเข้าไปในศาลาใกล้ๆป้อมเจ้าหน้าที่
สบายละ ศาลาเป็นของพวกเรา แล้วก็นั่งทำกับข้าวกันต่อไป
มีลุ้นนเหมือนกันนะ ถ้าฝนตกแล้วหยุด เราจะได้เจอทะเลหมอกแน่ๆ จริงๆหมอกก็เริ่มก่อตัวแล้วนะ
ถ้าตกไม่หยุดเราก็จะได้หมอกฟุ้งๆ กลางคืนเราก็จะอดดูดาว และอาจไม่ได้ล่าช้างตอนเช้ามืด
ไม่เป็นไร ปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ เพราะแค่ได้ขึ้นมาอยู่ในธรรมชาติข้างบนนี้มันก็คุ้มมากแล้ว
เรามาสนใจเมนูเด็ดวันนี้ดีกว่าหมูย่างนุ่มๆ กับน้ำจิ้มแจ่ว โดยเชฟพี่โอ๊ต อร่อยจริงคอนเฟิร์ม
แล้วฝนก็เริ่มเบาลง จนหยุด บรรยากาศวันนี้ดีมากๆ เพื่อนร่วมทริป ดูฮาๆ ชิลๆ มึนๆ
ทำไมเข้ากันได้ดีจัง เดี๋ยวๆๆๆ เพิ่งรู้จักกันจริงๆเหรอเนี่ย
มีอีกอย่างที่จารย์ท๊อปทำให้พวกเราปะหลาดใจ คือปกติเวลาคนมากางเต๊นท์ แค้มป์ปิ้ง
เครื่องดนตรีที่ถูกกาละเทสะควรจะเป็นกีตาร์ป่ะ แต่แก้งค์เรา เหนือกว่า
จารย์ท็อปพกวิโอร่ามาขับกล่อม สร้างความบันเทิงให้พวกเรา บางที่แกก็พกซอไปนะ
ที่นี่ก็เหมือนที่อื่นคือห้ามส่งเสียงดัง ตอนกลางคืนถ้าเจ้าหน้าที่เห็นเล่นกีตาร์เราอาจจะโดนด่า
แต่นี่วิโอร่านะดูซิว่าใครว่าอะไรมั้ย ไม่มีหรอก เพราะเราเล่นกันเบาๆ เพลงก็เปิดเบาๆ
บรรยากาศตอนเย็นหลังฝนหยุด อากาศชุ่มชื้น สดชื่นชุ่มฉ่ำ หมอกมาฟุ้งๆ ภาพแบบนี้ก็ได้อารมณ์หมอกๆดีนะ
ดูภาพแล้วเหมือนหมอกเตะจมูกเลย
หลังจากกับข้าวเสร็จทุกอย่างเรานั่งล้อมวงกินข้าว ตาก็มองวิวตรง กม.30 ไปด้วย
ขอบคุณภาพจากพี่ธง
ลุกไปถ่ายภาพแล้วกลับมานั่งกินต่อ
เฮ้ยยยมันเริ่มมีแสงสีส้มๆ มีหมอกหยอกเย้าตามไหล่เขา เป็นความตื่นตาตื่นใจ
เพราะเราไม่คิดว่าจะได้หมอกตอนเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดินแอบลุ้นอีก ว่าจะมีฟ้าระเบิดมั้ย
แจ๊คกับพี่โอ๊ตทนไม่ไหว วางจานข้าว วางแมร่งตรงที่นั่งนั่นแหระ รีบคว้ากล้องลุกไปเก็บภาพ
แต่จากที่เราอยู่จะไกลไป ต้นไม้บัง ภาพไม่สวย มองหน้ากับพี่โอ๊ต และคนยืนข้างเค้าบอกว่าไปไม่ไกลก็ถึงตรงจุดชมวิวแล้ว
ไปดิ่!!!!! รออะไร วิ่งเลยจ้า ด้วยคอนเวิร์ส วิ่งลงเนิน ไม่ได้กลัวลื่นล้มเลย ประมาณ 200 ก็ถึงจุดชมวิวค่ะ
วิวตรงหน้ามันคุ้มมากควรค่ากับการทิ้งจานข้าวแล้ววิ่งมา
แสงหมดแล้วววว วันนี้ไม่ได้เจอคุณพระอาทิตย์ แต่เราก็ได้แสงสวยก่อนจากลากัน
ได้ภาพที่พอใจ ได้เวลากลับไปที่ศาลาค่ะ ไปนั่งกินข้าวต่อ 55555
ตอนหัวค่ำ ใจคอไม่ค่อยดีเพราะหมอกมาเยอะเลย บนฟ้าไม่มีดาว เพระคนดมกาวดึงไปหมด เฮ้ยยยย ไม่ใช่
ฟ้าไม่มีดาวเพราะหมอกบังนี่แหระ
แต่ตอนดึกๆนี่ดิ่ กลายเป็นคืนที่ดาวเต็มฟ้าฉันจินตนาการเป็นหน้าเธอ
ดาวสวยมาก เดี๋ยวตี4 เจอกันนะฉันจะไปรอพี่ที่ทางช้างเผือก ยิ่งดึก ตรงที่พวกเรานั่งยิ่งหนาวมันเป็นช่องลมค่ะ
พอไปตรงลานกางเต๊นท์ก็ไม่หนาวนะ ค่ำคืนนี้ของคนเพิ่งรู้จักกัน เรานั่งฟังเพลง จากจารย์ท๊อป
คุยกันแลกเปลี่ยนทัศนคติ ยยยย ดูมีหลักการไป เอาจริงๆนะ
สาระอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ รู้แต่มุขแป๊กเยอะมาก ท่ามกลางเสียงจิ้งหรีด แต่ฮานะ5555
ปิดท้ายรายการด้วยการเดินออกไปดูดาวกัน แล้วแยกย้ายกันนอน
แจ๊ค พี่โอ๊ต บิว จะไปล่าช้างกันตอนตี4ครึ่ง ส่วนพี่ธง จารย์ท็อป พี่โอ๊ค บอกว่า 6.30 ไปปลุกด้วย โถ่วววว น่าจะไปล่าช้างด้วยกัน
ขอจบค่ำคืนนี้ไว้แค่นี้นะคะ
DAY-2 เช้าวันอาทิตย์ที่ 26/02/2560 ตี 4 แจ๊ค พี่โอ๊ต บิว เด้งจากที่นอนโดยไม่มีอิดออด
แจ๊คนี่นอนไม่หลับ แทนที่จะงัวเงีย แต่ก็หามีไม่ เวลาทำงานเป็นแบบนี้มั้ย ตอบ!!!!!!!!
ตี4 กว่าเราสามคนพากันเดินไปที่จุดชมวิว เวลานี้คือทะเลหมอกมารอแล้วนะ ความจริงมารอตั้งแต่เมื่อคืนละ อยู่ตรงศาลายังมองเห็นเลย
ดาวเต็มฟ้าเลยค่ะ ขอบคุณภาพนี้จากพี่โอ๊ตค่ะ
เห็นทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่า ฟินเลยทริปนี้ ดีงาม ทางช้างเผือกใบแรกในชีวิต
มาดูช้างของแจ๊คค่ะ
ถ่ายกันตั้งแต่ขนานกับพื้นโลก จนเริ่มเอียงขึ้น
ถ่ายวิวจนพอใจ เรามาถ่ายเล่นกันบ้าง
ขอบคุณภาพนี้จากพี่โอ๊ตค่ะ
ถ่ายทางช้างเผือกเซ็ทนี้จบยังมืดอยู่เลย เราลงไปที่ศาลากันก่อน เพราะพี่ จนท.ให้เคลียร์พื้นที่กันแต่เช้า
เดี๋ยวค่อยขึ้นมาดูหมอกตอนสว่าง
หลังจากย้ายของออกจากศาลา มาที่ฐานทัพเดิม สว่างแล้วค่ะ เรายังไม่ทำอาหารเช้านะ
ขอไปดูหมอกกันก่อน เรายังอยู่ที่กม.30 มาดูหมอกกันค่ะ
มุมกว้างๆกันบ้าง
จริงๆตรงนี้ก็มีไม่กี่มุมนะ
ถ่ายมุมเดิมๆจนพอใจละ
เซลฟี่กัน ภาพจากบิวค่ะ
กะว่าจะไปต่อที่กม.36 แล้วค่อยกลับมากินข้าวเช้า และห่อข้าวไปกินที่น้ำตก แผนดีอีกแล้ว
แต่เช้าวันอาทิตย์มันเป็นช่วงพีคมาก คนเยอะ ช่วงเวลาที่เราไป ใครๆก็ไปกัน รถเยอะและติดแน่นอน
เราเลยเปลี่ยนแผน กินข้าวเช้าเตรียมอาหารกลางวันไปกินที่น้ำตก
แล้วออกไปรอบเดียวเลย ตอนสายๆหมอกก็ยังอยู่ เออๆ แบบนี้ก็ดีนะไม่ต้องเจอคนเยอะๆด้วย
กลับมาที่ลานกางเต๊นท์ค่ะ
ทุกคนต่างทำหน้าที่กันอย่างตั้งใจ
จารย์ท็อปกำลังร่ายมนต์ ความอร่อยทั้งหลายในสากลโลก ขอจงสถิตย์อยู่ในซุปหม้อวิเศษของข้าาาาาาา
หน้าที่สำคัญที่แจ๊คได้รับมอบหมายในทริปนี้
เด็ดใบกระเพราค่ะ
ขอบคุณภาพจากพี่ธงค่ะ
ทุกเต๊นท์ทยอยเก็บของกันจนเกือบหมด แต่พวกเราชิลมาก ยังนั่งทำกับข้าวกันอยู่
จนพี่จนท.เดินมาถามอยู่กี่คืนเนี่ย55555 อาการพวกเราเหมือนจะอยู่ต่ออีกคืน
กว่าจะเสร็จภาระกิจกันก็สายมากแล้ว เราออกเดินทางไปกม.36 และน้ำตกทอทิพย์กันดีกว่าค่ะ
อ้าววว รถที่จอดเยอะๆเมื่อกี้ ไปไหนกันหมดแล้ว 5555
เขียวดีจัง อยากสดชื่นให้มองสีเขียว ถ้าอยากมีรักเดียวให้มองที่เรา จะบ้าเหรอ
มาถึงแล้วววววว กม.36
แต่น้องหมอกรอเราไม่ไหว เราเลยได้วิวภูเขาและฟ้าใสๆแทน
ไหนๆๆๆๆเซลฟี่กันหน่อย ขอบคุณภาพจากบิว
อีกภาพ ขอบคุณภาพจากพี่ธงค่ะ
ขับตามทางไปเรื่อยๆ จะเป็นทางไปน้ำตกทอทิพย์ ซึ่งจอดรถแล้วต้องเดินเท้าต่อไปอีก ประมาณ 4 กิโล
ตอนเราไปกัน เปิดให้เดินแค่ชั้น 5 กับชั้นที่เท่าไรไม่ทราบค่ะ เพราะป้ายมันลบเลือน
เส้นทางชัดเจนค่ะ เราสามารถเดินเองได้ ไม่ต้องมีจนท.นำทาง
เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ คนนี้จะไปไหน ในมือนั้นถือหม้อข้าว และกับข้าว ดูทรงแล้วเหมือนจะไปส่งข้าวให้แม่ที่เถียงนา
เป็นชุดเดินป่าที่ชิลมาก ดูอีกทีก็เหมือนนายหมู่ลูกเสือ ถือไม้ง่ามด้วย5555
เดินตามนายหมู่ไป รับรองไม่หลง
ทางเดินช่วงหนึ่ง เรียกว่าดงผีเสื้อก็น่าจะได้ มีผีเสื้อเยอะมาก รู้สึกถึงความฟรุ้งฟริ้ง ขอบคุณภาพจากพี่ธงค่ะ
เดินไปเรื่อยๆ ทางแอบโหด มีความชัน ทางมันลงเรื่อยๆ
ต้องโหนเชือกกันเลย ช่วงนี้คือชันมากต้องจับเชือก 2 มือ
แจ๊คนี่ยืนมองตาปริปๆๆๆๆ ลงไปก่อนเลยพี่
ขอบคุณภาพจากพี่โอ๊ตค่ะ
ปัญหาเลยอยู่ที่หม้อข้าวเรานี่แหระ บิวเป็นผู้พิทักษ์หม้อข้าว ความหวังฝากไว้ที่แกนะ 5555
แจ๊คเดินล่วงหน้ามาก่อน ได้ยินเสียงแป๊ก เสียงเหมือนโลหะกระทบอะไรสักอย่าง
อ๋อออ เสียงหม้อข้าวนี่เอง ปล่อยหม้อข้าวไปตามเชือกเลยจ้า ทริปนี้พาหม้อสนามผจญภัย
แล้วเราก็พบกับป้ายนี้ มันเป็นทางแยก บอกแล้วว่าป้ายลบเลือน เราต้องตัดสินใจว่าจะไปซ้ายหรือขวา
เราเลือกไปทางขวาก่อน เพราะเห็นน้ำตกอยู่ใกล้ๆ เจอกับชั้นนี้ค่ะ น่าจะเป็นชั้นที่5
อุ้ยโดนแอบถ่าย 555 ขอบคุณภาพจากพี่โอ๊ตค่ะ
ป่าสวย ฟ้าใส ฟ้าใสจริงๆดูที่ขวดน้ำสิ่
น้ำน้อยค่ะ ถ้าน้ำเยอะคงอลังการมากทีเดียว
ผีเสื้อเยอะมากกกก
แล้วเราก็ได้เห็นนวัตกรรมอีกอย่าง สมุดกันน้ำ พี่ธงโยนลงไปในน้ำ แล้วหยิบขึ้นมาเขียน งงเลย ไม่เคยเห็น
ต่อจากน้ำตกชั้นนี้ เราเดินกลับทางเดิม แยกเมื่อกี้เนี้ยค่ะ เราจะลงไปทางฝั่งขวาละ
ทางก็ชันลงไปเช่นเดิม เราก็เจอกับชั้นนี้ซึ่งไม่รู้ว่าชั้นที่เท่าไร
เป็นชั้นไม่สูงมากไหลยาวลดหลั่นลงมาจากชั้นที่ 5
สามารถเล่นน้ำได้ เรากินข้าวกลางวันกันที่นี่ ซึ่งมีคำถาม ทำไมเราไม่เอาข้าวใส่ถุงมาวะ 5555 นั่นดิ่ หิ้วมายังกับมาปิคนิค
ลืมบอก ซุปในหม้อวิเศษของจารย์ท๊อป รสชาติกลมกล่อมมากค่ะ
เพราะผ่านผ่านการตุ๋นนานถึง48ชั่วโมง ผักเนี่ยแค่สัมผัสลิ้นก็แทบจะละลายอยู่ที่ปลายลิ้น
เอาโค๊กแช่น้ำ เผื่อมันจะเย็นขึ้นมาบ้าง
กินข้าวเสร็จ นั่งพักผ่อน เก็บขยะ หนุ่มๆลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แจ๊คขอนั่งดูละกัน
ได้เวลาอันสมควร ประมาณบ่ายสองครึ่ง เราต้องกลับแล้วค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันรอบลง ตอนมาเป็นทางลงใช่มั้ย
ขากลับไม่ต้องสืบเลย ขึ้นอย่างเดียวเลยจ้าาาาา แทบร้องไห้ โอ้ยยยยย ฉันแพ้ทางชัน
พักอยู่หลายรอบเลย ขาล้า คือทุกคนไม่เหนื่อยกันเลยเหรอ หนุ่มๆแข็งแรงกันจัง
แจ๊คนี่โคตรเหนื่อยอ่ะ ทริปนี้ไม่ได้เตรียมใจ ไม่ได้เตรียมร่างกายว่าจะเจอทางโหดแบบนี้
จากที่คุยกันว่าทริปนี้ชิลสุดละที่พวกเราเที่ยวมา ขับรถมาดูหมอก สบายๆ
พอมาเดินเส้นน้ำตกเท่านั้นแหละ ทริปชิลกลายเป็นทริปเดินป่าทันที คือเที่ยวแบบสบายๆกันไม่เป็นใช่มั้ย
แวะพักตรงนี่นานหน่อย ถ่ายภาพหมู่กันค่ะ ขอบคุณภาพจากพี่โอ๊ต
ต้นไม้ที่นี่ต้นใหญ่มากกกก
ความรู้สึกคือ เดินเท่าไรก็ไม่ถึงซักที เหนื่อยแล้วน๊าาาาาา
พอถึงที่จอดรถ มีเสียงตะโกนออกมาโดยอัตโนมัติจากแจ๊ค "ถึงแล้วโว้ยยยยยย"
รวมๆแล้วเดินไปกลับก็8กิโลได้ค่ะ
ก่อนขึ้นรถกลับ ขอถ่ายภาพกับป้ายกันซะหน่อย ขอบคุณภาพจากพี่โอ๊ตค่ะ
ถ้าถ่ายก่อนเดินหน้าตาคงสดใสกว่านี้นะ
จริงๆทุกคนรักแจ๊คค่ะ ที่ยกเท้าเนี่ยแค่แอ๊คติ้งเอาฮา หรือในใจทุกคนอาจจะอยากถีบจริงๆ555
กลับมาถึงลานกางเต๊นท์ คือโล่งมากๆ มีเต๊นท์อยู่ไม่กี่เต๊นท์
ทำให้ตั้งข้อสังเกตุได้ว่า คนจะเยอะในคืนวันเสาร์ ถ้าใครไม่อยากเจอคนเยอะ แนะนำค่ะ ควรเลี่ยงคืนวันเสาร์
มาที่เรื่องของเรา เรารีบเก็บของ เก็บเต๊นท์ เคลียร์พื้นที่
สรุปว่าเหลือกลุ่มเราเป็นกลุ่มสุดท้ายของรอบ 16.00-17.00 น.
ลงกันตอนใกล้จะ 5 โมงละ เราใช้เวลาที่เขาพะเนินทุ่งกันคุ้มค่าจริงๆ
พวกเราคงมาตรฐานเดิมตลอดทริป คือขึ้นลงก็เฉียดๆจะเลยเวลา
คนอื่น เก็บของเก็บเต๊นท์เรานั่งทำกับข้าว เราช้าสม่ำเสมอ สายชิลค่ะ
ระหว่างทางพี่โอ๊คจอดรถให้ดูค่างแว่น อยู่บนยอดไม้ น่ารักมากกกกก
แต่ถ่ายภาพไม่ได้ กล้องแจ๊คใส่เลนส์ไวด์ซูมไม่ถึงค่ะ ไม่เป็นไร เราเก็บภาพไว้ในความทรงจำเรียบร้อยแล้ว
5 โมงกว่าๆ เครื่องแตะพื้นรันเวย์ที่ท่าอากาศยานแค้มป์บ้านกร่างโดยสวัสดิภาพ 5555 อะไรของเอ็ง
ณ จุดนี้เราแบ่งสัมบัติ สิ่งที่ต้องระวังเลย อย่าเอาหม้อจารย์ท๊อปติดมาเป็นอันขาด ดูมีอะไร
แล้วเราก็ได้เวลาร่ำลาแยกย้ายกัน
น้องถั่วเหลืองโดนแอบถ่าย อิอิ ขอบคุณภาพจากพี่ธงค่ะ
ต้องบอกเลยว่า ขอบคุณหนุ่มๆที่ดูแลแจ๊คเป็นอย่างดี
สำหรับแจ๊คแล้วเพื่อนร่วมทางที่ดีนั้น เป็นส่วนสำคัญที่จะบอกรสชาติของทริปเลย
ทริปนี้บอกได้เลยว่ากลมกล่อม (กลมกล่อมพอๆกับรสชาติอาหาร)
ดีใจที่ได้เจอกัน ขอบคุณทุกคนนะคะสำหรับมิตรภาพ
บิวเด็กส่งข้าว,พี่โอ๊ตเชฟมือหนึ่ง,พี่ธงสายเปล,จารย์ท๊อปกับหม้อวิเศษ,พี่โอ๊คยิ้มหวาน
แจ๊คเจ้าแม่ใบกระเพรา
จบแล้วค่ะเรื่องเล่าจากเขาพะเนินทุ่ง
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆคนอยากออกเดินทาง
ประสบการณ์ไม่มีขาย อยากได้ต้องเดินทาง
My journey by นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/jackrockerphotographer