ในงานการถ่ายทอดสดการประชุม สัมมนา อีเวนท์ต่าง ๆ นั้น กล้องวิดีโอมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อความเก็บเรื่องราว บรรยากาศ ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในงาน ช่างภาพวิดีโอหลายท่านอาจจะใช้กล้องมิเรอร์เลสในการทำงาน แต่มักจะพบข้อจำกัดในเรื่องเลนส์ที่ใช้มีช่วงไม่ครอบคลุม ต้องถอดเปลี่ยนเลนส์ ทำให้เกิดความยุ่งยาก ไม่คล่องตัวและอาจพลาดเหตุการณ์สำคัญๆ ได้ 

เราเลยได้โอกาสนัดพูดคุยกับคุณธิติ พรหมโยธี กรรมการผู้จัดการ บริษัทแชนแนล 8 จำกัด ซึ่งเป็นผู้ที่ควํ่าหวอดในแวดวงบรอดแคสต์มากว่า 20 ปี ที่สตูดิโอของบริษัทแชนแนล 8 เกี่ยวกับการทำงานถ่ายทอดสด และทำไมเขาถึงใช้กล้อง XF605 ของแคนนอนรุ่นนี้ในการทำงานถ่ายทอดสด

คุณธิติเกริ่นถึงการทำงานในแวดวงนี้ว่า ทําบรอดแคสต์มาตั้งแต่อายุ 28 ปี ตั้งแต่ตอนยุค IBC กับ Thai Sky รวมกันอยู่ โดย UBC สมัยก่อนระบบไม่เป็นแบบนี้ ตอนเช้ามาเปิดห้องสตูดิโอต้องมาเทียบแบล็คบาร์ (Black bar) เพื่อปรับซิงค์เจน (Sync generator) ปรับแบล็คเบิร์ส (Black burst) ต้องอ่านสโคปแล้วปรับบาลานซ์ในทุก ๆ เช้า 7 โมงเช้า เพื่อเตรียมทุกอย่างในระบบให้พร้อม สำหรับรายการแรกที่จะถ่ายทอดสดตอน 10 โมง ทั้งเปิดกล้อง เปิดเทียบแบล็คบาร์กับสวิทช์ แล้วก็ปรับจูนจนลงตัว ทำแบบนี้วนไป

แต่พอช่องดาวเทียมเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ก็เริ่มมาแชร์ตลาดของช่อง รายได้ก็เรื่อยลดลงผสมกับน้ำท่วมใหญ่ในปีนั้นชีวิตก็เปลี่ยนเลย คุณธิติเลยหันมาทําออนไลน์ ให้บริการถ่ายทอดสดและบันทึกเทปที่ บริษัทแชนแนล 8 ของคุณธิติตอนนี้ 

คุณธิติ เล่าต่อว่า งานถ่ายทอดสดในปัจจุบันง่ายขึ้นเยอะ ทั้งเรื่องการติดตั้ง การขนส่ง ความคล่องตัว อาจจะเป็นเพราะว่า เขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์บรอดแคสต์แล้ว แต่ใช้กล้อง DV Pro แทน ได้ไฟล์คุณภาพสูงถึง 10 bit เหมือนกัน แม้จะเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ แต่ก็ให้ภาพคมชัด คุณภาพเลนส์ และตัวกล้องก็เล็กกว่า 

 

 

เหตุผลที่คุณธิติหันมาใช้ XF605 ของแคนนอนในการทำงาน เพราะเวลาจะซื้อกล้อง เขาจะเป็นคนที่ศึกษาฟีเจอร์ทุกอย่าง และชอบที่เป็นกล้องโปรที่บันทึกไฟล์ Log ได้ 4K Output เป็น 12G ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ 4K Output ได้แค่ 3G หรือแค่ 4K Output จาก HDMI ซึ่งจะทำให้เขาสามารถต่อยอดในอนาคตได้

คุณธิติเป็นคนไม่ใช้ระบบ HDMI เพราะรู้สึกว่ามันจะลดระดับของความเป็นโปรลงไปอีก “เพราะว่าผมมาจากบรอดแคสต์ จะไม่ใช้ HDMI ไม่ว่าจะเป็นสายหรืออะไรก็ตาม  ใช้ลากสาย SDI 12G  ซึ่งถ้าดูด้วยตาเปล่าอาจมองไม่เห็นหรอก  แต่คนที่ทําระบบมานานอย่างผมรู้ว่าสาย 12G มันดีกว่า  สาย HDMI ลากยาว ๆ มันจะหน่วงนิดนึงจากการแปลงสัญญาณ  ความรู้สึกส่วนตัวจากประสบการณ์มองว่าสายสัญญาณ SDI ให้สัญญาณใสกว่า”

และด้วยประสบการณ์การทำงานบรอดแคสต์ก็มองว่า สายสัญญาณ SDI  มีข้อดีคือให้สัญญาณใส มีความเสถียร และแข็งแรงกว่า HDMI 

 

 

และกับคำถามที่ว่าจุดที่ชอบในกล้อง XF605 คืออะไร คุณธิติตอบว่า “ผมชอบสี สีแทนสายตาจริง ๆ เลย คือ มันเป็นตามสายตาเราเห็น ถ้าคนที่ชอบสีสดอาจมองว่ารุ่นนี้สีมันจะไม่สดเท่าไร คือตอนนี้คุณมองเห็นยังไง ดูจากจอของกล้องมันก็จะเป็นอย่างนั้น สีมันจะสมจริง เว้นแต่ถ้าเรคคอร์ดเป็นไฟล์ Log เพื่อเอาไปย้อมสี”

 

 

ส่วนคำถามเรื่องความคล่องตัวในการใช้งานนั้น คุณธิติกล่าวว่า “กล้องโปรเฟสชั่นแนลทุกตัวเหมือนกัน ความยากง่ายไม่มี แต่ถ้าเราจ้างฟรีแลนซ์ คนที่ผ่านกล้องมาเยอะก็จะง่าย ส่วนฟรีแลนซ์ที่เคยเจอกล้องแค่รุ่น สองรุ่น ก็จะเป็นงงแบบหาอะไรไม่เจอ แต่กล้องรุ่นนี้เล่นง่ายกว่ากล้องทุกรุ่นที่เคยใช้มาในทุก ๆ อย่าง ใช้ประโยคนี้เลยว่า คนไม่เคยเล่นกล้องรุ่นนี้มาก่อน มาเล่นจะรู้เลยว่ามันไม่ต้องเข้าเมนูลึก ๆ มันอยู่ข้างบนจอที่คุณกดได้เลย แล้วทุกอย่างมันอยู่ข้างๆ ให้เห็นทั้งหมด” 

ทางด้านการทำงาน ทีมงานของคุณธิติมักจะใช้ทัชสกรีนในเวลาปรับชัดตื้น ชัดลึก สามารถปรับได้ไว คล่องตัว ขณะที่คุณธิติเองไม่ค่อยได้ใช้ทัชสกรีน เนื่องจากเป็นคนที่โตมาจากระบบเก่า ก็จะใช้วิธีไล่หมุน แต่ทีมงานคนอื่นจะชอบปรับออโต้ ชอบปรับตั้งค่าโดยการทัชสกรีน เช่น การเลือกจุดโฟกัสผ่านจอทัชสกรีน  พอกดปุ๊บโฟกัสเข้าไปตรงนู้น กดตรงนั้นตรงนี้หลังเบลอ

 

 

ส่วนเลนส์ของกล้อง XF605 คุณธิติเล่าว่า มีความเพียงพอต่อการใช้งาน “อย่างระยะ 40 เมตร มีเดียมช็อตสบาย ๆ และยังมีดิจิทัลซูม ถ้าเราปรับดิจิทัลซูมพอประมาณ ให้มันได้ระยะ ผมว่ามันพิเศษกว่ากล้องหลายๆ รุ่น และข้อดีอีกเรื่องคือเลนส์มันถ่ายได้ใกล้มาก ได้ใช้ตอนถ่ายอาหาร มันโฟกัสได้นิ่งมาก และน้ำหนักกล้องรุ่นนี้ มีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่นอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน ทำให้คล่องตัวกว่าเมื่อต้องถือกล้องด้วยมือ”

อีกเรื่องที่คุณธิติชอบคือ มีแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ให้ซื้อแยกได้ อึด ถึก ทนเพียงพอต่อการทํางาน ใช้งานมาปีกว่าแล้วก็ยังไม่เสื่อม ใช้ได้ประมาณ 6 ชั่วโมงสบาย ๆ  ส่วนแบตเตอรี่ก้อนเล็กคุณธิติเล่าว่า จะใช้เวลาซ้อมคิว “พอจะถ่ายทอดสดก็ใส่แบตเตอรี่ใหญ่ไป และเคยรันงานนานสุดตั้งแต่บ่าย 3 ถึง 6 โมงเช้าอีกวันหนึ่ง ใช้งานไป 6 ชั่วโมงต่อเนื่องแล้วเปลี่ยนแบตเตอรี่ ตัวกล้องก็ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน ไม่มีน็อกเลย” 

 

 

คุณธิติยังเล่าต่ออีกว่า “กล้องรุ่นนี้รองรับการทำงานของผมได้ดี เพียงพอในการทํางาน และเคยเจอรุ่นพี่ในวงการถามว่าทําไมใช้กล้องรุ่นนี้ รับค่าจ้างเท่าไหร่ ก็บอกให้เค้าดู โอ้..ราคาเท่ากันเลย แต่เค้าลงทุนไปเป็นล้าน ๆ ผมก็เลยบอกว่า ทีนี้พี่เข้าใจผมรึยังคิดราคาช่างภาพเท่ากัน เพียงแต่ลูกค้าเห็น ลูกค้าอาจจะดูว่ากล้องใหญ่ดูดีกว่า หรืออย่างล่าสุดที่ไปถ่ายทอดสดหลาย ๆ เวทีของการประกวดนางงามหรืองานแถลงข่าว เริ่มมีช่างภาพหลายคนใช้กล้องตัวนี้กันแล้ว ช่วงแรก ๆ ที่ใช้ตอนทําโอบี ทุกคนก็จะมามองว่าเราใช้กล้องอะไรเหมือนกัน” 

หลังเสร็จงาน คุณธิติก็จะโหลดภาพส่งลูกค้าเลย โหลดไฟล์เต็มขึ้นคลาวด์ไว้ พร้อมยกตัวอย่างรายการแนวข่าวต่างประเทศที่ถ่ายเป็นประจํา ครั้งละ4-5 เทป มีคาแรกเตอร์และโทนสีเดียวกัน คือ ถ่ายโอเวอร์โชลเดอร์บ้าง ตั้งกล้องบ้าง ก็ใช้กล้องตัวนี้บันทึกเป็น 4K 10bit เป็นไฟล์ Log ถ้าเป็นฟีเจอร์ที่ส่งไฟล์ได้เลยจะต้องซื้อเนื่องจากเป็นออปชั่นเสริม   คุณธิติมองว่า มีกล้องโปรเฟสชั่นแนลน้อยรุ่นที่สามารถส่งงานให้ลูกค้าได้เลยหลังจากถ่ายเสร็จ

 

 

สุดท้าย คุณธิติได้สรุปการใช้งานกล้อง XF605 ที่ใช้ทำงานมากว่าหนึ่งปีว่า “โดยส่วนตัวผมชอบเรื่องสีของกล้องตัวนี้ หลัก ๆ เลยที่ชอบเพราะได้รับคําชมจากลูกค้าที่ชอบสีเหมือนจริง ลูกค้าที่ถ่ายสปอต ถ่ายโฆษณา เค้าจะชอบสีที่แทนสายตาและเหมือนจริง แล้วสามารถไปย้อมได้ และชอบเรื่องความใสของเลนส์แคนนอน เวลาช่างภาพฟรีแลนซ์มาบอกว่า ใช้ง่าย น้ำหนักเบา เวลาสั่งให้ถือถ่ายก็ไม่มีอิดออด ถ่ายงานนาน ๆ ไม่เมื่อย และฟีเจอร์ใช้ง่าย ทำให้ผมไม่หนักใจว่า เวลาเลือกช่างภาพฟรีแลนซ์มาจะใช้กล้องเราได้ไหม เพราะเมนูในกล้องบางรุ่นมันอยู่ลึก ช่างภาพที่จ้างมาเล่นเข้าไม่ถูก ก็จะลําบากเวลาทํางาน และเวลามีช่างภาพฟรีแลนซ์มาถามผมว่า ซื้อกล้องมาเท่าไหร่ พอเราก็บอกราคาไป เขาก็บอกเฮ้ย..มันดี ทําไมมันเบาจัง มันซูมได้เยอะจัง ระยะเลนส์ใช้ได้ เรามั่นใจในกล้องตัวนี้ส่วนนึงก็มาก็จากช่างภาพฟรีแลนซ์ที่เราจ้างนี่แหละครับ”

และนี่คือความเห็นจากคุณธิติ พรหมโยธี ที่ผ่านงานบรอดแคสต์และงานถ่ายทอดสดมาอย่างนับไม่ถ้วน ได้มาบอกเล่าประสบการณ์กว่าหนึ่งปีในการใช้ XF605 ในการทำงาน และความพึงพอใจกับกล้องรุ่นนี้เป็นอย่างมาก

 


 

ฟีเจอร์เด่นของกล้อง XF605: 

  • กล้องถ่ายวิดีโอ 4K ระดับพรีเมียมให้ภาพคุณภาพสูง และเซนเซอร์ภาพ 4K UHD CMOS ขนาด 1 นิ้ว
  • ขนาดกะทัดรัดและนํ้าหนักเบาเพียง 2.01 กก. พร้อมด้วยวงแหวนควบคุม 3 วงที่เลนส์
  • ระบบออโตโฟกัส Dual Pixel CMOS AF X EOS iTR AF X รุ่นใหม่ พร้อมตรวจจับและการติดตามดวงตา 
  • เลนส์ซูมมุมกว้างในตระกูล L ของแคนนอน ซูมออปติคอลได้ 15 เท่า พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล
  • บันทึกวิดีโอ 4K 4:2:2 10 bit ไฟล์ฟอร์แมต XF-AVC และ MP4
  • Canon Log3 และ HDR
  • รองรับการบันทึกแบบ 4K ALL-I ที่มีการบีบอัดน้อยกว่า
  • ขั้วต่อสำหรับเอาต์พุต 12G-SDI สำหรับเอาต์พุตวิดีโอ 4K คุณภาพสูง
  • รองรับ XC Protocol
  • หน้าจอใช้งานระบบสัมผัส (Touch-screen User Interface) เข้าระบบสำคัญได้จากหน้าจอ


หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ XF605 ได้ที่ https://bit.ly/CMTTHXF605