24 Dec 25
Canon EOS C400
สู่โลก VIRTUAL PRODUCTION แบบไร้รอยต่อ

กล้องซีเนม่าของแคนนอนรุ่น EOS C400 นอกจากจะรองรับการทำงานในการถ่ายภาพยนตร์ งานโฆษณาและงานโปรดักชันทั่วไปแล้ว กล้องรุ่นนี้ยังมีคุณสมบัติเด่นอีกด้านสำหรับการทำงานร่วมกับระบบ Virtual production ในการสร้างภาพยนตร์และเนื้อหาสื่อสมัยใหม่ที่ผสมผสานโลกจริงกับโลกดิจิทัลแบบเรียลไทม์ โดยใช้เทคโนโลยีของจอ LED การจับภาพการเคลื่อนไหว (motion capture) และ Unreal Engine เพื่อสร้างฉากที่สมจริง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการถ่ายทำสถานที่จริง และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์ภาพและเล่าเรื่อง

ด้วยคุณสมบัติในการส่งข้อมูลของเลนส์ทั้งเรื่องระยะโฟกัส ทางยาวโฟกัส มุมรับภาพ ผ่านโปรโตคอลไปยัง Unreal Engine เพื่อให้ระบบสามารถซิงโครไนซ์ภาพจากกล้องกับภาพดิจิทัลของฉากหลังได้อย่างสมจริง ทำให้การทำงานสะดวก คล่องตัว ลดเวลาในการเซ็ตอัปซอฟต์แวร์เมื่อเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างมาก

และสองท่านที่เราไปพูดคุยด้วยเป็นผู้ที่ใช้กล้อง Canon EOS C400 ในการทำงาน Virtual Production (VP) มาอย่างช่ำชอง คือ คุณเอก เอกรัฐ เบ็ญอาบัส รองผู้จัดการแผนก Virtual Production ของ The Palace Studio ดูแลเรื่องการทำโปรดักชัน และอีกท่านคือ คุณเนส สุรนันท์ ปานกลาง Virtual Production Specialist ของ The Palace Studio ดูแลในเรื่องเทคนิคการถ่ายทำ โดยงานของบริษัทจะทำงานด้านมีเดีย เป็นโปรดักชันไฮบริด ทำงาน TVC งานคอนเทนต์ รวมถึงเปิดเป็นสถาบันฝึกอบรมด้าน Virtual Production

โดย The Palace Studio เป็นพันธมิตรร่วมกับ Mo-Sys ซึ่งเป็นบริษัทจากประเทศอังกฤษที่ผลิตอุปกรณ์ติดตามการเคลื่อนไหวของกล้อง (camera tracking) และมีโซลูชันซอฟต์แวร์สำหรับ Virtual Production ที่ทำงานร่วมกับจอ LED


ทั้งสองท่านมีประสบการณ์ในการทำงาน Virtual Production มานาน คุณเนสบอกว่างานรูปแบบนี้ตอนที่เริ่มทำใหม่ๆ มันยากมากในการเซ็ตอัป ต้องใช้เวลาเป็นวันๆ ในการคาลิเบรตค่าต่างๆ ของเลนส์กับกล้องให้เข้ากันกับระบบ Virtual เพราะระบบจะทำงานแบบเรียลไทม์ ในการซิงค์ภาพจากกล้องกับภาพบนจอ LED ให้ดูสมจริงทั้งมุมมองและเพอร์สเปกทีฟ

คุณเนสเล่าต่อว่า เขาได้มาเจอเทคโนโลยีของแคนนอนรุ่น EOS C400 ที่สามารถส่งโปรโตคอลแบบเรียลไทม์ ทำให้ร่นระยะเวลาในการเซ็ตอัปไปได้เยอะมาก โดยคุณเอกได้เสริมว่า จากเมื่อก่อนที่ต้องเซ็ตกันเป็นชั่วโมงๆ เมื่อเปลี่ยนเลนส์ แต่ระบบส่งโปรโตคอลแบบเรียลไทม์ของแคนนอนลดเวลาการส่งข้อมูลมาที่ระบบ Virtual ในเวลาไม่กี่วินาที ทำให้การทำงานรวดเร็วต่อเนื่อง ไม่สะดุด


คุณเนสบอกว่าการส่งข้อมูลโปรโตคอลจะทำได้อัตโนมัติกับเลนส์ของแคนนอนตระกูล CN-R โดยใช้ระบบกลไกของเลนส์ทำงานแปลงข้อมูลผ่านโปรโตคอล ซึ่งมีความแม่นยำสูงมากในระดับที่เขาและทีมงานประทับใจมากทั้งเรื่องช่วงเลนส์ ค่าระยะโฟกัส มันทำงานแบบเรียลไทม์

คุณเอกเสริมว่า Canon EOS C400 เป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์ที่มีคุณภาพดีมาก เขาใช้กับงาน Television Commercial (TVC) ได้สบาย ให้ไฟล์ที่มีคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่นในการทำงาน

กล้องมีฟังก์ชันที่ประทับใจคือ Triple Base ISO (800, 3200, 12800) เพราะการทำงาน Virtual เรามักจะต้องทำงานในสภาพแสงค่อนข้างน้อย ต้องใช้ Base ISO สูงๆ* บ่อยครั้ง ซึ่งภาพที่ได้ก็ยังมีคุณภาพดี น่าพอใจ
*ค่าความไวแสง ISO พื้นฐาน ได้แก่
- ISO 800, 3200 และ 12800 (Canon Log2/ Log3/ RAW)
- ISO 400, 1600 และ 6400 (Canon 709/ BT.709/ Wide DR/ PQ/ HLG)

คุณเอกบอกว่าใช้เลนส์หลักๆ อยู่ 3 ตัว คือ Canon CN-R 20mm T1.5 L F , CN-R 35mm T1.5 L F และ CN-R 85mm T1.3 L F เป็นเลนส์ที่รองรับการทำงานกับระบบ Virtual เต็มรูปแบบ

คุณเนสบอกว่าในการทำงานของทีมเราไม่ได้ถ่ายเฉพาะในสตูดิโอ มีงานเอาต์ดอร์ด้วย ถ้ากล้องมีคุณสมบัติที่ดีทั้งการใช้งานในสตูดิโอและเอาท์ดอร์ด้วยก็จะทำให้งานสะดวกคล่องตัวรวมทั้งในส่วนงานโพสต์โปรดักชัน ซึ่ง EOS C400 นั้นกับไฟล์ RAW หรือไฟล์ Log ของกล้องทำให้งานทั้งสองรูปแบบมีความราบลื่นต่อเนื่อง สะดวกต่อการทำโพสต์โปรดักชัน และด้วยความที่ตัวกล้อง EOS C400 มีขนาดเล็กกะทัดรัดและเบา พกพาสะดวก สามารถใช้ร่วมกับกิมบอลทั่วไปได้ ทำให้ใช้งานได้คล่องตัวและกล้องรุ่นนี้ก็เซ็ตอัปง่ายด้วย

คุณเนสบอกว่างานของบริษัทเขานั้นจะเป็นงานที่ต้องใช้เทคนิคมาก ในบางเรื่องเขาต้องการข้อมูลจากทางเอ็นจิเนีย ก็จะสอบถามไปที่เมืองนอกในเรื่องของวิธีการเซ็ตอัปหรือข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญต่อการทำงาน ช่วยให้เขาไม่ต้องเสียเวลามาหาข้อมูลเองซึ่งทางแคนนอนก็ซัพพอร์ตข้อมูลตรงนี้ให้ทางทีมงานเป็นอย่างดี คุณเอกเสริมว่าทางแคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) ก็ดูแลทีมงานดีเช่นกัน ซัพพอร์ตอุปกรณ์บางอย่างให้ใช้ในการทำงานด้วย

และนี่คือจุดเด่นของ EOS C400 และเลนส์ตระกูล CN-R ของแคนนอนที่รองรับการทำงาน Virtual Production ได้อย่างน่าประทับใจจากมุมมองของมืออาชีพที่ทำงานด้านนี้อย่างแท้จริง
